ทฤษฎีการกำเนิดมนุษย์แฝงทัศนคติของศาสนาคริสต์
+3
น้องฝน.2
nook.9
takumi.9
7 posters
udonpit99.com :: ห้องชมรม :: ห้องชมรม :: ชมรมGeek
หน้า 1 จาก 1
ทฤษฎีการกำเนิดมนุษย์แฝงทัศนคติของศาสนาคริสต์
พอดี หาอ่านบทความต่างๆไปเรื่อย เลยไปเจอบทความนี้เข้า
ทฤษฎีการกำเนิดมนุษย์แฝงทัศนคติของศาสนาคริสต์
เป็นไปได้หรือที่มนุษย์เรามีความแตกต่างทางเชื้อสาย มีสีผิวที่แตกต่างกัน จะมีบรรพบุรุษคนเดียวกัน[/size]
จากการศึกษาของ Wells ได้พบว่ามนุษย์ทั้งโลกมีบรรพบุรุษคนเดียวกันอยู่บริเวณทวีปแอฟริกา
รหัส
พันธุกรรม ทำให้เราทราบว่า มีการอพยพออกจาก
แหล่งกำเนิดดั้งเดิมของมนุษย์เป็นระยะๆ เข้าสู่ถิ่นฐานใหม่
ซึ่งก็คือจุดกำเนิดของชนชาติต่างๆ
นอกจากนี้จากการศึกษาของ Haigh และ
Maynard Smith ก็พบสิ่งซึ่งตรงกันว่าผู้ชายทั้งโลก ไม่ว่าผิวสีใด
มีบรรพบุรุษร่วมกันหนึ่งเดียวคือ Adam
พระเจ้าตรัสว่า “ไม่ควรที่ชายผู้นี้จะอยู่คนเดียวเราจะสร้างคู่อุปถัมภ์ที่สมกับเขาขึ้น”
แล้วพระเจ้าจึงทรงกระทำให้ชายนั้นหลับสนิท ขณะที่เขาหลับสนิทอยู่ พระองค์ทรงนำกระดูกซี่โครงอันหนึ่งของเขาออกมา
แล้วทำให้ผิวหนังแนบสนิทเข้าด้วยกันดังเดิม ส่วนกระดูกซี่โครงที่พระเจ้าได้ทรงนำออกจากมนุษย์เพศชายนั้น
พระองค์ทรงสร้างให้เป็นหญิง แล้วทรงนำมาให้ชายนั้น
Chromosome
การสร้างมนุษย์เพศหญิงขึ้นมาจากมนุษย์เพศชาย กับการสร้างมนุษย์เพศชายขึ้นมาจากมนุษย์เพศหญิงอันไหนง่ายกว่ากัน
ผู้หญิงมีโครโมโซม XX ผู้ชายมีโครโมโซม XY ทำให้โครโมโซมเพศหญิงเป็น subset ของเพศชาย
การสร้างมนุษย์เพศหญิงจึงง่ายกว่ามาก เพียงแค่นำ Chromosome X ออกมา และเพิ่มเข้าไปอีกหนึ่งตัวเท่านั้น
ดังนั้นการสร้างมนุษย์เพศชายก่อนแล้วจึงสร้างมนุษย์เพศหญิงจึงง่ายกว่ามาก
มนุษย์ทั้งโลกมาจากแม่คนเดียวจริงหรือ
การดูจาก Chromosome นั้นไม่สามารถวัดได้เพราะ ผู้หญิงนั้นมีโครโมโซม X 1 คู่ ตัวหนึ่งได้มาจากพ่อ อีกตัวได้มาจากแม่ แต่มีสิ่งหนึ่งที่สามารถตรวจสอบความสัมพันธ์ได้ คือมีสิ่งหนึ่งที่มาจากแม่เสมอ นั่นคือMitochondrial DNA ซึ่งมีหน้าที่ทำหน้าเป็นปอดให้กับเซลล์ ใน Mitochondrial มี DNA ฝังอยู่ข้างใน ซึ่ง Mitochondrial นั้นมาจากผู้เป็นแม่เท่านั้น โดยติดมากับไข่ของแม่
Mitochondrial DNA
ด้วยสิ่งนี้เราจึงย้อนกลับไปหาฝ่ายแม่ได้ จากการศึกษาในปัจจุบัน ผลสรุปที่ออกมาคือ มนุษย์ทุกคนสืบเชื้อสายมาจากหญิงคนเดียวในอดีตนั่นคือ เอวา และเมื่อนำอัตราการเกิด การ Mutation มาคำนวณเทียบกับความหลากหลายใน Mitochondrial DNA ทำให้นักวิทยาศาสตร์ประมาณได้คร่าวๆว่า เอวา มีชีวิตอยู่เมื่อ 6,500 – 8,000 ปีก่อน
จริงหรือ? ที่มนุษย์ทั้งโลกถือกำเนิดขึ้นจากมนุษย์เพียงคู่เดียว คำถามที่ยังคงเป็นคำถามไร้ซึ่งคำตอบ ปริศนาดำมืดบนโลกยังมีอีกมากมาย วิทยาศาสตร์ใช่เป็นคำตอบของทุกสิ่ง กรอบความคิดที่มนุษย์สร้างขึ้นเพื่ออธิบายความเข้าใจที่ยังอยู่ห่างไกลนัก
ทฤษฎีการกำเนิดมนุษย์แฝงทัศนคติของศาสนาคริสต์
เป็นไปได้หรือที่มนุษย์เรามีความแตกต่างทางเชื้อสาย มีสีผิวที่แตกต่างกัน จะมีบรรพบุรุษคนเดียวกัน[/size]
จากการศึกษาของ Wells ได้พบว่ามนุษย์ทั้งโลกมีบรรพบุรุษคนเดียวกันอยู่บริเวณทวีปแอฟริกา
รหัส
พันธุกรรม ทำให้เราทราบว่า มีการอพยพออกจาก
แหล่งกำเนิดดั้งเดิมของมนุษย์เป็นระยะๆ เข้าสู่ถิ่นฐานใหม่
ซึ่งก็คือจุดกำเนิดของชนชาติต่างๆ
นอกจากนี้จากการศึกษาของ Haigh และ
Maynard Smith ก็พบสิ่งซึ่งตรงกันว่าผู้ชายทั้งโลก ไม่ว่าผิวสีใด
มีบรรพบุรุษร่วมกันหนึ่งเดียวคือ Adam
พระเจ้าตรัสว่า “ไม่ควรที่ชายผู้นี้จะอยู่คนเดียวเราจะสร้างคู่อุปถัมภ์ที่สมกับเขาขึ้น”
แล้วพระเจ้าจึงทรงกระทำให้ชายนั้นหลับสนิท ขณะที่เขาหลับสนิทอยู่ พระองค์ทรงนำกระดูกซี่โครงอันหนึ่งของเขาออกมา
แล้วทำให้ผิวหนังแนบสนิทเข้าด้วยกันดังเดิม ส่วนกระดูกซี่โครงที่พระเจ้าได้ทรงนำออกจากมนุษย์เพศชายนั้น
พระองค์ทรงสร้างให้เป็นหญิง แล้วทรงนำมาให้ชายนั้น
Chromosome
การสร้างมนุษย์เพศหญิงขึ้นมาจากมนุษย์เพศชาย กับการสร้างมนุษย์เพศชายขึ้นมาจากมนุษย์เพศหญิงอันไหนง่ายกว่ากัน
ผู้หญิงมีโครโมโซม XX ผู้ชายมีโครโมโซม XY ทำให้โครโมโซมเพศหญิงเป็น subset ของเพศชาย
การสร้างมนุษย์เพศหญิงจึงง่ายกว่ามาก เพียงแค่นำ Chromosome X ออกมา และเพิ่มเข้าไปอีกหนึ่งตัวเท่านั้น
ดังนั้นการสร้างมนุษย์เพศชายก่อนแล้วจึงสร้างมนุษย์เพศหญิงจึงง่ายกว่ามาก
มนุษย์ทั้งโลกมาจากแม่คนเดียวจริงหรือ
การดูจาก Chromosome นั้นไม่สามารถวัดได้เพราะ ผู้หญิงนั้นมีโครโมโซม X 1 คู่ ตัวหนึ่งได้มาจากพ่อ อีกตัวได้มาจากแม่ แต่มีสิ่งหนึ่งที่สามารถตรวจสอบความสัมพันธ์ได้ คือมีสิ่งหนึ่งที่มาจากแม่เสมอ นั่นคือMitochondrial DNA ซึ่งมีหน้าที่ทำหน้าเป็นปอดให้กับเซลล์ ใน Mitochondrial มี DNA ฝังอยู่ข้างใน ซึ่ง Mitochondrial นั้นมาจากผู้เป็นแม่เท่านั้น โดยติดมากับไข่ของแม่
Mitochondrial DNA
ด้วยสิ่งนี้เราจึงย้อนกลับไปหาฝ่ายแม่ได้ จากการศึกษาในปัจจุบัน ผลสรุปที่ออกมาคือ มนุษย์ทุกคนสืบเชื้อสายมาจากหญิงคนเดียวในอดีตนั่นคือ เอวา และเมื่อนำอัตราการเกิด การ Mutation มาคำนวณเทียบกับความหลากหลายใน Mitochondrial DNA ทำให้นักวิทยาศาสตร์ประมาณได้คร่าวๆว่า เอวา มีชีวิตอยู่เมื่อ 6,500 – 8,000 ปีก่อน
จริงหรือ? ที่มนุษย์ทั้งโลกถือกำเนิดขึ้นจากมนุษย์เพียงคู่เดียว คำถามที่ยังคงเป็นคำถามไร้ซึ่งคำตอบ ปริศนาดำมืดบนโลกยังมีอีกมากมาย วิทยาศาสตร์ใช่เป็นคำตอบของทุกสิ่ง กรอบความคิดที่มนุษย์สร้างขึ้นเพื่ออธิบายความเข้าใจที่ยังอยู่ห่างไกลนัก
เครดิตจาก Mythland.org
takumi.9- มหา'ลัย ปี3
- จำนวนข้อความ : 1603
: 40
Registration date : 14/09/2008
สมุดพกนักเรียน
รหัสประจำตัว: 990917
วิชาโปรด: คอมพิวเตอร์
คะแนนเกียรติยศ:
(21/100)
Re: ทฤษฎีการกำเนิดมนุษย์แฝงทัศนคติของศาสนาคริสต์
ก็ว่ากันไป ฝรั่งชอบหาเหตุผลให้พระเจ้ามีตัวตนอะ
รู้สึกว่าจะมีอีกทฤษฏีนึงนะที่ว่า พระเจ้าจากอวกาศไรเนี่ยแหล่ะ
รู้สึกว่าจะมีอีกทฤษฏีนึงนะที่ว่า พระเจ้าจากอวกาศไรเนี่ยแหล่ะ
nook.9- จบมัธยม
- จำนวนข้อความ : 848
: 41
Registration date : 07/10/2008
สมุดพกนักเรียน
รหัสประจำตัว: 990927
วิชาโปรด: คณิตศาสตร์
คะแนนเกียรติยศ:
(1/100)
น้องฝน.2- คนจากยากูซ่าตระกูล คุโรดะมาหา
- จำนวนข้อความ : 8076
: 40
Registration date : 15/09/2008
สมุดพกนักเรียน
รหัสประจำตัว: 990211
วิชาโปรด: วิทยาศาสตร์
คะแนนเกียรติยศ:
(1/100)
Re: ทฤษฎีการกำเนิดมนุษย์แฝงทัศนคติของศาสนาคริสต์
nook.9 พิมพ์ว่า:ก็ว่ากันไป ฝรั่งชอบหาเหตุผลให้พระเจ้ามีตัวตนอะ
รู้สึกว่าจะมีอีกทฤษฏีนึงนะที่ว่า พระเจ้าจากอวกาศไรเนี่ยแหล่ะ
อันนั้น มันอยู่ใน ทฤษฏีสมคบคิด ส่วนอันนี้ แค่ เอาส่วนที่ มีอยู่ มาเทียบใน พระคัมภีร์ เฉยๆ
จะว่าไปแล้ว พระเจ้ามี จริง หรือป่าว ไม่มีใครรู้หรอก มันก็คงเหมือนกับ ที่ เถียงว่า มีมนุษย์ต่างดาวนั้นหละ
ใช่ว่า สิ่งที่เราไม่เห็น จะไม่มี และใช่ว่าสิ่งที่เราเห็น มันจะมีเสมอไป
takumi.9- มหา'ลัย ปี3
- จำนวนข้อความ : 1603
: 40
Registration date : 14/09/2008
สมุดพกนักเรียน
รหัสประจำตัว: 990917
วิชาโปรด: คอมพิวเตอร์
คะแนนเกียรติยศ:
(21/100)
Re: ทฤษฎีการกำเนิดมนุษย์แฝงทัศนคติของศาสนาคริสต์
จะว่า อันนี้อ้างก็ไม่ถูก นะ ถ้าดูกันตาม ที่ว่ามา
เพราะในที่ยกมา เค้าก็ยก ที่อยู่ในพระคัมภีร์ มา และมาเทียบกับมุมมองวิทยาศาสตร์ มันก็ใช่
แต่ถ้าเราคิดแบบนี้หละ ว่าที่ในพระคัมภีร์ เขียนแบบนั้น อาจเป็นการเชิงเปรียบเทียบ ก็ได้ เพราะสมัยนั้น ยังไม่รู้จักนิ โครโมโซม X Y อะไรนั้นนะ ส่วนจะเป็นพระเจ้าบอกมาให้เขียนหรือป่าวนั้นอีกเรื่องนึง (หรือมีไม่มีอีกเรื่อง) แต่ที่ปฏิเสธไม่ได้ คือ มีข้อความที่ว่าใน พระคัมภีร์
เพราะในที่ยกมา เค้าก็ยก ที่อยู่ในพระคัมภีร์ มา และมาเทียบกับมุมมองวิทยาศาสตร์ มันก็ใช่
แต่ถ้าเราคิดแบบนี้หละ ว่าที่ในพระคัมภีร์ เขียนแบบนั้น อาจเป็นการเชิงเปรียบเทียบ ก็ได้ เพราะสมัยนั้น ยังไม่รู้จักนิ โครโมโซม X Y อะไรนั้นนะ ส่วนจะเป็นพระเจ้าบอกมาให้เขียนหรือป่าวนั้นอีกเรื่องนึง (หรือมีไม่มีอีกเรื่อง) แต่ที่ปฏิเสธไม่ได้ คือ มีข้อความที่ว่าใน พระคัมภีร์
takumi.9- มหา'ลัย ปี3
- จำนวนข้อความ : 1603
: 40
Registration date : 14/09/2008
สมุดพกนักเรียน
รหัสประจำตัว: 990917
วิชาโปรด: คอมพิวเตอร์
คะแนนเกียรติยศ:
(21/100)
Re: ทฤษฎีการกำเนิดมนุษย์แฝงทัศนคติของศาสนาคริสต์
เขีียนเยอะๆมันก็ต้องมีตรงมั่งละว้า
ทฤษฏีอุกกาบาร์ต น่าจะเป็นไปได้มากกว่าอีกนะ
แต่จิงๆแล้วสัตว์อื่นเกิดขึ้นมาทำไมไม่เห็นพระเจ้าต้องสร้างเลย เจอะจงแต่คนที่มีมันสมอง
ถ้ามนุษย์ไม่ฉลาดขนาดนี้ คงไม่ต้องมาตั้งคำถาม ปวดหมองอย่างนี้หรอก
ชักมึน
พระพุทธเจ้าท่านสอนเรื่องนี้มาแล้ว
จินไตย คือ จินตนา แปลว่า การคิด
อจินไตย4 เป็นเรื่องไม่ควรคิด ไม่ควรสงสัย
เพราะไม่มีประโยชน์ต่อการหลุดพ้น ไม่อาจรู้ได้ด้วยการคิด คิดไปก็คิดไม่ออก
คิดไปจะเป็นบ้า เดือดร้อน เป็นเรื่องที่อยู่เหนือเหตุผล
ที่คนธรรมดาจะเข้าใจได้ วิทยาศาสตร์ก็ยังเข้าไม่ถึง
ที่เราคิดสงสัยเพราะยังมีกิเลส เมื่อเราเข้าถึงความจริงแล้ว
เราจะหมดความสงสัยไปเอง
ประกอบด้วย
- พุทธวิสัยของพระพุทธเจ้า ความเป็นมาของ พระพุทธเจ้า
- ฌานวิสัยของผู้ได้ฌาน ธรรมชาติของณาน ฌานและอภินิหาร เช่น ตาทิพย์
- วิบากแห่งกรรม การตอบสนองของกรรม สัตว์โลกเป็นไปตามกรรม
- ความคิดเรื่องโลก กำเนิดของโลกและชีวิต เช่น จุดเริ่มต้นอยู่ที่ไหน ใครเป็นคนสร้าง
สรุป คิดเรื่องอื่นดีกว่า เพราะหาคำตอบอีกล้านปีก็คงไม่เจอ
ทฤษฏีอุกกาบาร์ต น่าจะเป็นไปได้มากกว่าอีกนะ
แต่จิงๆแล้วสัตว์อื่นเกิดขึ้นมาทำไมไม่เห็นพระเจ้าต้องสร้างเลย เจอะจงแต่คนที่มีมันสมอง
ถ้ามนุษย์ไม่ฉลาดขนาดนี้ คงไม่ต้องมาตั้งคำถาม ปวดหมองอย่างนี้หรอก
ชักมึน
พระพุทธเจ้าท่านสอนเรื่องนี้มาแล้ว
จินไตย คือ จินตนา แปลว่า การคิด
อจินไตย4 เป็นเรื่องไม่ควรคิด ไม่ควรสงสัย
เพราะไม่มีประโยชน์ต่อการหลุดพ้น ไม่อาจรู้ได้ด้วยการคิด คิดไปก็คิดไม่ออก
คิดไปจะเป็นบ้า เดือดร้อน เป็นเรื่องที่อยู่เหนือเหตุผล
ที่คนธรรมดาจะเข้าใจได้ วิทยาศาสตร์ก็ยังเข้าไม่ถึง
ที่เราคิดสงสัยเพราะยังมีกิเลส เมื่อเราเข้าถึงความจริงแล้ว
เราจะหมดความสงสัยไปเอง
ประกอบด้วย
- พุทธวิสัยของพระพุทธเจ้า ความเป็นมาของ พระพุทธเจ้า
- ฌานวิสัยของผู้ได้ฌาน ธรรมชาติของณาน ฌานและอภินิหาร เช่น ตาทิพย์
- วิบากแห่งกรรม การตอบสนองของกรรม สัตว์โลกเป็นไปตามกรรม
- ความคิดเรื่องโลก กำเนิดของโลกและชีวิต เช่น จุดเริ่มต้นอยู่ที่ไหน ใครเป็นคนสร้าง
สรุป คิดเรื่องอื่นดีกว่า เพราะหาคำตอบอีกล้านปีก็คงไม่เจอ
nook.9- จบมัธยม
- จำนวนข้อความ : 848
: 41
Registration date : 07/10/2008
สมุดพกนักเรียน
รหัสประจำตัว: 990927
วิชาโปรด: คณิตศาสตร์
คะแนนเกียรติยศ:
(1/100)
Re: ทฤษฎีการกำเนิดมนุษย์แฝงทัศนคติของศาสนาคริสต์
เหมือนหวยออกแล้วบอกว่า "อ๋อ... มันเป็นแบบนั้น-แบบนี้นี่เอง" หรือเปล่า??
toe.4- ม.5
- จำนวนข้อความ : 380
Registration date : 01/10/2008
สมุดพกนักเรียน
รหัสประจำตัว: 990428
วิชาโปรด: วิทยาศาสตร์
คะแนนเกียรติยศ:
(1/100)
Re: ทฤษฎีการกำเนิดมนุษย์แฝงทัศนคติของศาสนาคริสต์
nook.9 พิมพ์ว่า:เขีียนเยอะๆมันก็ต้องมีตรงมั่งละว้า
ทฤษฏีอุกกาบาร์ต น่าจะเป็นไปได้มากกว่าอีกนะ
แต่จิงๆแล้วสัตว์อื่นเกิดขึ้นมาทำไมไม่เห็นพระเจ้าต้องสร้างเลย เจอะจงแต่คนที่มีมันสมอง
ถ้ามนุษย์ไม่ฉลาดขนาดนี้ คงไม่ต้องมาตั้งคำถาม ปวดหมองอย่างนี้หรอก
ชักมึน
พระพุทธเจ้าท่านสอนเรื่องนี้มาแล้ว
จินไตย คือ จินตนา แปลว่า การคิด
อจินไตย4 เป็นเรื่องไม่ควรคิด ไม่ควรสงสัย
เพราะไม่มีประโยชน์ต่อการหลุดพ้น ไม่อาจรู้ได้ด้วยการคิด คิดไปก็คิดไม่ออก
คิดไปจะเป็นบ้า เดือดร้อน เป็นเรื่องที่อยู่เหนือเหตุผล
ที่คนธรรมดาจะเข้าใจได้ วิทยาศาสตร์ก็ยังเข้าไม่ถึง
ที่เราคิดสงสัยเพราะยังมีกิเลส เมื่อเราเข้าถึงความจริงแล้ว
เราจะหมดความสงสัยไปเอง
ประกอบด้วย
- พุทธวิสัยของพระพุทธเจ้า ความเป็นมาของ พระพุทธเจ้า
- ฌานวิสัยของผู้ได้ฌาน ธรรมชาติของณาน ฌานและอภินิหาร เช่น ตาทิพย์
- วิบากแห่งกรรม การตอบสนองของกรรม สัตว์โลกเป็นไปตามกรรม
- ความคิดเรื่องโลก กำเนิดของโลกและชีวิต เช่น จุดเริ่มต้นอยู่ที่ไหน ใครเป็นคนสร้าง
สรุป คิดเรื่องอื่นดีกว่า เพราะหาคำตอบอีกล้านปีก็คงไม่เจอ
ก็เข้าใจอยู่นะที่ว่า ก็มันยังไม่เข้าถึงความจริงกันไง มันถึงยังมีความสงสัย ใช่สำหรับพวกเราอาจจะคิดเรื่องอื่นดีกว่า เช่นปากท้อง หางานหาเงิน แต่สำหรับพวกนั้นแล้ว เรื่องอื่นเค้าไม่จำเป็นนิ เค้าเลือกที่จะคิดเรื่องนี้ เพระาเค้าต้องการที่จะรู้ และเรื่องที่ว่านี้ ก็ก่อให้เกิดความรู้อื่นตามมาเป็นผลพลอยได้ เราคิดว่า ถ้ามันคิดแล้วไม่ได้สร้างความเดือดร้อนใครก็คิดไป เถอะ
แล้วที่ว่า ที่เราคิดสงสัยเพราะยังมีกิเลส เมื่อเราเข้าถึงความจริงแล้ว เราจะหมดความสงสัยไปเอง
แล้วจะทำยังไงถึงเข้าถึงความจริงได้ละ ที่เราเอาบทความนี้มาลงไม่ใช่จะอะไรเกี่ยวกับ พระเจ้าหรืออะไรนะ ที่เอามาลงคือ
มันมีสิ่งพิสูจน์ได้ทางวิทยาศาตร์ และมีส่วนคล้ายเหมือนกันกับในพระคัมภีร์ หรือในพระคัมภีร์ก็มีเขียนตรงอยู่นะ ส่วนที่ว่าจะเดาแม่นหรือเขียนมากๆไปก็ถูกนั้น เราก็คิดว่าเขียนแม่นดีนะถูกได้ แต่มันก็อีกเรื่องนึง อย่าพึ่งตั้งแง่สิ มันก็อีกแนวคิดเฉยๆ จะไปซีเรียสอะไรกับมันมาก เราว่าตอนนี้แกนั้นหละ กำลังอจินไตยอยู่
เหมือนอย่างที่ CERN ทำอยู่ไง ก็ไม่ใช่เพราะความอยากรู้เรื่อง กำเนิดของโลก และชีวิต เหรอ ทำให้ได้ความรู้อืนๆอีก
และอีกหลายเรื่อง ส่วนใหญ่ก็เพราะ อยากรู้การกำเนิดของชิวิต หรือยืดชีวิต ทั้งนั้น
ถ้าไม่มีการวิเคราะห์ สิ่งที่บัญญัติไว้ใน อจินไตย4 ให้ดีๆ เทคโนโลยีจะหยุดค้าง (สาเหตุเพราะยึดติดกับ อจินไตย ทั้งๆที่พระพุธเจ้า ไม่ได้ให้ยึดติดงมงายในสิ่งใดเลย)
1.พุทธะ - การตื่น(ขึ้นมารับ)รู้ พุทธวิสัยไม่ควรสนใจ(ตื่นยังไง) ไม่ต้องเอามาคิดว่าพุทธคืออะไร(ตื่นคืออะไร)
รวมถึงความเป็นมาของพระพุทธเจ้า และสภาวะทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับการตื่นของความรู้ อันสว่างไสว
2.ฌานะ - การเพ่งพิจพินิจพิเคราะห์ การวิเคราะห์อย่างเต็มที่ ตั้งใจ โดยสนใจอย่างยิ่ง จดจ่อ การทดลองทางวิทยาศาสตร์
(เพราะต้องสนใจ พินิจพิเคราะห์) คือสิ่งไม่ควรสนใจ
3.กรรมะ - การที่สรรพสิ่งกระทำต่อกัน (อันนี้คล้ายฟิสิกส์อย่างยิ่ง) สิ่งใดกระทำกับสิ่งใด ใครกระทำกับใคร ไม่ควรสนใจ
4.โลก - สรรพสิ่ง ไม่ควรสนใจ คำว่าโลกครอบรวมถึงทุกอย่างในสากลจักรวาล เรียกรวม เอกภพทั้งหลายว่า โลกธาตุ ไม่ควรสนใจ
ถ้าเกิดมีการตีความแค่นี้ รับรอง ไม่มีคน(ที่เชื่อแค่นี้) สนใจวิทยาศาสตร์เลย เพราะคลุมหมดถึงทุกอย่างที่มนุษย์ควรค้นคว้า ปฏิบัติ มีบางกลุ่มไม่ใส่ใจอะไรเลย พอมีการค้นคว้าค้นพบอะไรใหม่ที่จะขับดันความเป็นอยู่ได้ ก็จะบอกว่า "อจินไตยๆ"
คือไม่อยากให้คิดเป็นในแง่ศาสนามาก และเชื่อว่าคำสอนพระพุทธเจ้า ไม่สามารถนำสูตรใดสูตรนึง มาเป็นสำเร็จรูปได้หรอก แต่ก็มีคนเชื่ออย่างนั้น และปฏิเสธวิทยาการ อยู่ แต่ก็ไม่เอาเรื่องธรรมะด้วย(ธรรมะ-พื้นฐานของสรรพสิ่ง)
takumi.9- มหา'ลัย ปี3
- จำนวนข้อความ : 1603
: 40
Registration date : 14/09/2008
สมุดพกนักเรียน
รหัสประจำตัว: 990917
วิชาโปรด: คอมพิวเตอร์
คะแนนเกียรติยศ:
(21/100)
Re: ทฤษฎีการกำเนิดมนุษย์แฝงทัศนคติของศาสนาคริสต์
อจิณไตย แปลว่าไม่มีประโยชน์ คือรู้ไปก้อไม่มีประโยชน์ รู้ไปก้อเท่านั้น เสียสมองเปล่า ๆ ใช้อะไรไม่ได้...
....ในสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าเคยถูกคนอื่นถามด้วยเรื่องอจิณไตย เช่น....
....จักรวาลกว้างเท่าไร? มีขอบเขตแค่ไหน?....
....นรก สวรรค์มีจริงหรือไม่? ถ้ามีตั้งอยู่ที่ไหน?...
....ถ้าสำเร็จพระอรหันต์แล้วจะอยู่ยังไงหลังความตาย?....
....คนเราตายแล้วจะไปไหน?....
....พระพุทธองค์ทรงตอบได้ทุกเรื่อง และทรงเมตตาสั่งสอนต่อไปว่า....
...."ตถาคตทราบดีทุกเรื่องที่ท่านถาม รู้ลึกซึ้งกว่าที่ท่านอยากจะรู้"....
...."แต่ว่าท่านอยากจะรู้ไปทำไม ในเมื่อท่านรู้แล้วก็ไม่ได้ทำให้เกิดประโยชน์มรรคผลใด ๆ"...
...."เพราะมันมิใช่วิถีทางแห่งการดับอาสวะกิเลส เพื่อทำให้สิ้นทุกข์"...
...."ทุกเรื่องล้วนเป็นอจิณไตย คือท่านรู้ไปก็ไม่มีประโยชน์"...
...."หากท่านอยากรู้ จงเร่งปฏิบัติให้สิ้นอาสวะกิเลสในตนเถิด แล้วท่านจะสามารถรู้ได้เอง"....
....หลักการอบรมสั่งสอนของพระพุทธศาสนานั้น คือสอนให้รู้ รู้ลึก รู้รอบ และรู้จริง....
....สอนให้รู้ด้วยการพิจารณาด้วยเหตุ ด้วยผล ด้วยข้อพิสูจน์...
....ไม่ใช่ให้รู้จากตำรา คัมภีร์ วิธีปฏิบัติ (ทฤษฎี) หรือแค่คำพูด...
....แต่สอนถึงหลักวิธีปฏิบัติจริง ที่สามารถพิสูจน์เหตุผลได้ทางวิทยาศาสตร์...
....ผู้ที่กล่าวถึงพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง เป็นพุทธมามะกะตัวจริง จึงปฏิบัติตนในทุกสภาวะโดยธรรม...
....ปฏิบัติในทุกอิริยาบทในการดำรงชีพ ไม่ใช่แค่นุ่งขาวห่มขาวนั่งหลับตาฟังอาจารย์สอนจนหลับใน แล้วเข้าใจว่าบรรลุธรรม...
...."ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นชื่อว่าเห็นเรา"...
...."ผู้ใดเห็นเรา ผู้นั้นชื่อว่าเห็นธรรม"...
...."หากประสงค์จะบูชาเรา จงบูชาด้วยปฏิบัติบูชาเถิด"...
...."อย่าพึงปฏิบัติด้วยอามิสบูชาเลย"....
....ในสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าเคยถูกคนอื่นถามด้วยเรื่องอจิณไตย เช่น....
....จักรวาลกว้างเท่าไร? มีขอบเขตแค่ไหน?....
....นรก สวรรค์มีจริงหรือไม่? ถ้ามีตั้งอยู่ที่ไหน?...
....ถ้าสำเร็จพระอรหันต์แล้วจะอยู่ยังไงหลังความตาย?....
....คนเราตายแล้วจะไปไหน?....
....พระพุทธองค์ทรงตอบได้ทุกเรื่อง และทรงเมตตาสั่งสอนต่อไปว่า....
...."ตถาคตทราบดีทุกเรื่องที่ท่านถาม รู้ลึกซึ้งกว่าที่ท่านอยากจะรู้"....
...."แต่ว่าท่านอยากจะรู้ไปทำไม ในเมื่อท่านรู้แล้วก็ไม่ได้ทำให้เกิดประโยชน์มรรคผลใด ๆ"...
...."เพราะมันมิใช่วิถีทางแห่งการดับอาสวะกิเลส เพื่อทำให้สิ้นทุกข์"...
...."ทุกเรื่องล้วนเป็นอจิณไตย คือท่านรู้ไปก็ไม่มีประโยชน์"...
...."หากท่านอยากรู้ จงเร่งปฏิบัติให้สิ้นอาสวะกิเลสในตนเถิด แล้วท่านจะสามารถรู้ได้เอง"....
....หลักการอบรมสั่งสอนของพระพุทธศาสนานั้น คือสอนให้รู้ รู้ลึก รู้รอบ และรู้จริง....
....สอนให้รู้ด้วยการพิจารณาด้วยเหตุ ด้วยผล ด้วยข้อพิสูจน์...
....ไม่ใช่ให้รู้จากตำรา คัมภีร์ วิธีปฏิบัติ (ทฤษฎี) หรือแค่คำพูด...
....แต่สอนถึงหลักวิธีปฏิบัติจริง ที่สามารถพิสูจน์เหตุผลได้ทางวิทยาศาสตร์...
....ผู้ที่กล่าวถึงพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง เป็นพุทธมามะกะตัวจริง จึงปฏิบัติตนในทุกสภาวะโดยธรรม...
....ปฏิบัติในทุกอิริยาบทในการดำรงชีพ ไม่ใช่แค่นุ่งขาวห่มขาวนั่งหลับตาฟังอาจารย์สอนจนหลับใน แล้วเข้าใจว่าบรรลุธรรม...
...."ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นชื่อว่าเห็นเรา"...
...."ผู้ใดเห็นเรา ผู้นั้นชื่อว่าเห็นธรรม"...
...."หากประสงค์จะบูชาเรา จงบูชาด้วยปฏิบัติบูชาเถิด"...
...."อย่าพึงปฏิบัติด้วยอามิสบูชาเลย"....
เครดิต 6 พยุหะกระบี่ปราบมาร
takumi.9- มหา'ลัย ปี3
- จำนวนข้อความ : 1603
: 40
Registration date : 14/09/2008
สมุดพกนักเรียน
รหัสประจำตัว: 990917
วิชาโปรด: คอมพิวเตอร์
คะแนนเกียรติยศ:
(21/100)
nook.9- จบมัธยม
- จำนวนข้อความ : 848
: 41
Registration date : 07/10/2008
สมุดพกนักเรียน
รหัสประจำตัว: 990927
วิชาโปรด: คณิตศาสตร์
คะแนนเกียรติยศ:
(1/100)
Re: ทฤษฎีการกำเนิดมนุษย์แฝงทัศนคติของศาสนาคริสต์
ก็จริงเนอะ จะรู้ไปทำไม
Mr.T 6/5- ม.6
- จำนวนข้อความ : 751
: 41
Registration date : 01/10/2008
สมุดพกนักเรียน
รหัสประจำตัว: 990519
วิชาโปรด: คณิตศาสตร์
คะแนนเกียรติยศ:
(1/100)
Re: ทฤษฎีการกำเนิดมนุษย์แฝงทัศนคติของศาสนาคริสต์
My religion is science.
สงสัยว่า เริ่มจากจุดเริ่มต้น เซลต่างๆ เกิดหลังจากการปฏิสนธิซึ่งเป็นการรวม chromosome ของ ชาย (X / Y) กับ หญิง (X) ก็เลยทำให้คิดไปว่า mitochondrial ก็น่าจะเป็นผลผลิตจากทั้งชายและหญิง
จริง เคยคิด counter example ง่ายๆ ว่า ถ้ามนุษย์เกิดมากจาก พ่อ และ แม่ แค่คู่เดียว คงอยู่ได้ไม่ที่ generation เพราะจากการทดลองทางวิทยาศาสตร์ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า พี่น้องกันแต่งงานกันเองหลายๆ generation ลูกก็จะอ่อนแอลงเรื่อยๆ (มีให้เห็นมาแล้วกับการล่มสลายของราชวงในต่างประเทศ และอาจจะเป็นเหตุผลให้ไทยเราก็ต้องแก้กฏมณเฑียญบาลให้ผ่อนปลนลง)
สงสัยว่า เริ่มจากจุดเริ่มต้น เซลต่างๆ เกิดหลังจากการปฏิสนธิซึ่งเป็นการรวม chromosome ของ ชาย (X / Y) กับ หญิง (X) ก็เลยทำให้คิดไปว่า mitochondrial ก็น่าจะเป็นผลผลิตจากทั้งชายและหญิง
จริง เคยคิด counter example ง่ายๆ ว่า ถ้ามนุษย์เกิดมากจาก พ่อ และ แม่ แค่คู่เดียว คงอยู่ได้ไม่ที่ generation เพราะจากการทดลองทางวิทยาศาสตร์ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า พี่น้องกันแต่งงานกันเองหลายๆ generation ลูกก็จะอ่อนแอลงเรื่อยๆ (มีให้เห็นมาแล้วกับการล่มสลายของราชวงในต่างประเทศ และอาจจะเป็นเหตุผลให้ไทยเราก็ต้องแก้กฏมณเฑียญบาลให้ผ่อนปลนลง)
Sucha.3- ม.5
- จำนวนข้อความ : 356
: 41
Registration date : 13/09/2008
สมุดพกนักเรียน
รหัสประจำตัว: 990338
วิชาโปรด: คณิตศาสตร์
คะแนนเกียรติยศ:
(1/100)
Re: ทฤษฎีการกำเนิดมนุษย์แฝงทัศนคติของศาสนาคริสต์
สมัยเรียนป.ตรี ประมาณ5ปีที่แล้ว ได้เรียนเกี่ยวกับเรื่องวิวัฒนการมนุษย์ ทฤษฏีที่อธิบายใกล้เคียงกับบทความคือSucha.3 พิมพ์ว่า:My religion is science.
สงสัยว่า เริ่มจากจุดเริ่มต้น เซลต่างๆ เกิดหลังจากการปฏิสนธิซึ่งเป็นการรวม chromosome ของ ชาย (X / Y) กับ หญิง (X) ก็เลยทำให้คิดไปว่า mitochondrial ก็น่าจะเป็นผลผลิตจากทั้งชายและหญิง
จริง เคยคิด counter example ง่ายๆ ว่า ถ้ามนุษย์เกิดมากจาก พ่อ และ แม่ แค่คู่เดียว คงอยู่ได้ไม่ที่ generation เพราะจากการทดลองทางวิทยาศาสตร์ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า พี่น้องกันแต่งงานกันเองหลายๆ generation ลูกก็จะอ่อนแอลงเรื่อยๆ (มีให้เห็นมาแล้วกับการล่มสลายของราชวงในต่างประเทศ และอาจจะเป็นเหตุผลให้ไทยเราก็ต้องแก้กฏมณเฑียญบาลให้ผ่อนปลนลง)
ทฤษฏี "การออกจากแอฟริกา" คือ มนุษย์ปัจจุบัน เกิดจากแม่เดียวกันที่อพยพมาจากแอฟริกาที่รอดจากช่วงเกิดยุคน้ำแข็ง
การตั้งสมมติอย่างนี้ ดูจากDNAของไมโตคอนเดีย ซึ่งจะถ่ายทอดจากแม่สู่ลูกเท่านั้น ผู้ชายไม่ได้ถ่ายทอดออแกเนลนี้
เพราะว่า ไมโตคอรเดีย จะอยู่ในไซโตพลาสซึมของไข่ เวลาปฏิสนธิ สเปริมจะมีเฉพาะDNAเข้าไปในไข่เท่านั้น
จากการสุ่มตรวจสอบDNAของไมโตคอนเดียในคนแต่หละพื้นที่ของโลกพบว่า
มีความหลากหลายน้อยมาก ซึ่งน่าจะเกิดแม่เดียวกัน ในสัตว์ชนิดอื่นๆพบว่าDNAไมโตคอนเดียหลากหลายมากกว่า
ในทำนองเดียวกัน เราใช้โครโมโชม Y ซึ่งถ่ายทอดจาก พ่อไปสู่ลูกชายเท่านั้น
หากเกิดจากพ่อเดียวกันทั้งหมด ก็น่าจะมีYแค่พิมพ์เดียว แต่จากการสำรวจพบว่า
โครโมโซมY มีความหลากหลาย อันน่าจะเกิดจาก พ่อ3-4คน
หมายความว่า ตอนนั้น มีอีฟคนเดียว แต่อดัมหลายคน ในช่วงอพยพออกจากแอฟริกา
แต่ก็มีทฤษฎีอื่นๆ อีก เช่น จริงๆแล้วที่DNAไมโตคอนเดียมีพิมพ์เดียว ได้รับมาจากลิงตัวเมียตัวแรกที่วิวัฒนการกลายมาเป็นคน
หรือมนุษย์ไม่ได้อพยพจากแอฟริกา แต่อยู่กระจายอยู่ก่อนแล้วในส่วนต่างๆของโลก เป็นต้น
ส่วนที่บทความ เกริ่นในช่วงต้น ว่าความหลากหลายทางรูปร่าง ผิวพรรณ ในทำนองว่าน่าจะเกิดจากพ่อแม่หลายคน
เป็นการใช้เหตุผลทางวิทยาศาสตร์ไม่ถูกต้อง เพราะเราดูจากภายนอกไม่ได้
มนุษย์อาจมีการปรับตัวไปตามภูมิอากาศแต่ละทวีปในไม่กี่พันปีนี้ แต่ประวัติศาสต์มนุษย์ยาวนานกว่านั้น
ส่วนเรื่องที่บทความอ้างว่า หลักฐานทางวิทยาศาสตร์พ้องกัน ตำนานมนุษย์เกิดจากอดัมกับอีฟนั้นก็ยังไม่ถูก
เพราะอย่างที่เล่าให้ฟังว่า ตามหลักฐานการศึกษาทางพันธุกรรม เค้าเชื่อว่าอาจจะมีแม่เดียวแต่หลายพ่อ
พอลงท้ายว่า เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องลี้ลับทางวิทยาศาสตร์ เลยปวดตับกับเจ้าของบทความ
ที่พยายามเล่าเรื่องพวกนี้ให้เป็นไสยศาสตร์ อันเกิดจากความไม่รู้ ไม่เข้าใจ หรือไม่ได้ศึกษาทฤษฎีให้ถ่องแท้รึเปล่าก็ไม่ทราบ
somwang.2- มหา'ลัย ปี2
- จำนวนข้อความ : 1215
: 41
Registration date : 13/09/2008
สมุดพกนักเรียน
รหัสประจำตัว: 990232
วิชาโปรด: วิทยาศาสตร์
คะแนนเกียรติยศ:
(3/100)
Re: ทฤษฎีการกำเนิดมนุษย์แฝงทัศนคติของศาสนาคริสต์
จากการศึกษาในปัจจุบัน ผลสรุปที่ออกมาคือ มนุษย์ทุกคนสืบเชื้อสายมาจากหญิงคนเดียวในอดีตนั่นคือ เอวา
และเมื่อนำอัตราการเกิด การ Mutation มาคำนวณเทียบกับความหลากหลายใน
Mitochondrial DNA ทำให้นักวิทยาศาสตร์ประมาณได้คร่าวๆว่า เอวา
มีชีวิตอยู่เมื่อ 6,500 – 8,000 ปีก่อน
จะเห็นว่า ถ้ายกข้อความตามนี้มา มนุษย์ก็เกิดมาบนโลกเมื่อ8000ปีก่อนเท่านั้น
ซึ่งจากหลักฐานเราก็รู้อยู่แล้วว่า มนุษย์ดำรงมาอยู่ก่อนหน้านั้น
อย่างที่บอกว่า จากการศึกษาDNAไมโตคอนเดียบอกได้ว่า
อาจจะเกิดจากแม่เดียวกัน ในช่วงอพยพออกจากแอฟริกา
แต่ไม่ได้บอกว่าต้นกำเนิดมนุษย์คนแรกจากเอวา
เพราะก่อนออกจากแอฟริกา ก็อาจมีมนุษย์เกิดจากแม่หลายๆคน
แต่ถ้าเชื่อว่า เอวา คือลิงตัวเมียตัวเดียวที่กลายมาเป็นคน อันนี้ เรื่องพระเจ้าสร้างคนก็ตกไป
somwang.2- มหา'ลัย ปี2
- จำนวนข้อความ : 1215
: 41
Registration date : 13/09/2008
สมุดพกนักเรียน
รหัสประจำตัว: 990232
วิชาโปรด: วิทยาศาสตร์
คะแนนเกียรติยศ:
(3/100)
Re: ทฤษฎีการกำเนิดมนุษย์แฝงทัศนคติของศาสนาคริสต์
ขอบคุณสมหวังสำหรับความรู้ใหม่ครับ ว่า mitochondrial มาจากเพศแม่เท่านั้น
Sucha.3- ม.5
- จำนวนข้อความ : 356
: 41
Registration date : 13/09/2008
สมุดพกนักเรียน
รหัสประจำตัว: 990338
วิชาโปรด: คณิตศาสตร์
คะแนนเกียรติยศ:
(1/100)
Re: ทฤษฎีการกำเนิดมนุษย์แฝงทัศนคติของศาสนาคริสต์
โอ้ ผู้เชี่ยวชาญ ด้านชีวะ มาแล้ว
takumi.9- มหา'ลัย ปี3
- จำนวนข้อความ : 1603
: 40
Registration date : 14/09/2008
สมุดพกนักเรียน
รหัสประจำตัว: 990917
วิชาโปรด: คอมพิวเตอร์
คะแนนเกียรติยศ:
(21/100)
udonpit99.com :: ห้องชมรม :: ห้องชมรม :: ชมรมGeek
หน้า 1 จาก 1
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
|
|
Tue Apr 19, 2011 9:21 am by ter-sp.12
» จัดปาร์ตี้รวมรุ่นปีใหม่2011 กันไหม?
Sat Feb 12, 2011 1:07 pm by ป๊อกกี้.9
» เด็กอุดรพิทย์เจ๋ง...คว้ารางวัลรองชนะเลิศเทนนิสเยาวชน
Sat Feb 12, 2011 1:06 pm by ป๊อกกี้.9
» :: U P 9 9 M e e t i n g P a r t y 2 0 1 1 ::
Sat Feb 12, 2011 1:03 pm by ป๊อกกี้.9
» แจ้ง ต้น.15 จะแต่งงาน 22 มกราคม นี้ แล้วครับเพื่อนๆ
Sun Jan 09, 2011 4:31 pm by arly.15
» หายหัวไปนานเลย กลับมารายงานตัวว่ายังมีชีวิตอยู่คร๊าบพี่น้อง
Tue Jan 04, 2011 3:58 am by yingyai kongthong .14
» ห้อง 9 มีใครทำงานอะไร ที่ไหนกันบ้าง เล่าสู่กันฟังหน่อยเด้อ
Mon Dec 20, 2010 12:15 pm by nook.9
» ตะลึงศิษย์เก่าอุดรพิทย์เผามหิดลวิทยานุสรณ์
Mon Dec 20, 2010 12:09 pm by nook.9
» ศรีหนุ่มยังมีชีวิตอยู่ มาแว้วก๊าบป๋ม
Sun Dec 12, 2010 1:16 pm by anne.15
» รายงานตัวครับ
Thu Dec 09, 2010 3:26 pm by ไซนิล.7