Geek Myth: อารยธรรม ที่เคยหายสาปสูญไป ...

[nook.9]

พอเห็นไซนิลพูดถึงเรื่อง "ทวีปมู" แล้วก็นึกถึงเรื่องอารยธรรมที่มันเคยมีกัน แต่ปัจจุบันหายไปแล้ว ทั้งที่มีหลักฐานชัดเจน อย่าง ปิรามิด หรือพวก แอตแลนติส มันก็น่าสนใจดีนะ ก็เลยไปหาเกี่ยวกับ ทวีปมู มาลองดู เผื่อจะมีใครสนใจเรื่องนี้

[nook.9]

ทวีปมูกับอารยธรรมโบราณ อันเป็นจุดเริ่มต้นของมวลมนุษย์ เรามาดูสิว่าตอนนี้ ซากอารยธรรมที่ยังไม่ถูกจมในปัจจุบัน เพียงบางส่วนเท่านั้น เพราะเขายังสำรวจ ได้ไม่ครบเลย เกาะที่ยังคงเหลืออยู่ในปัจจุบัน ที่แห่งนี้เราเรียกว่าหมู่เกาะทะเลใต้ ปัจจุบันก็ถือว่าสวยงามมากครับ และมีนักท่องเที่ยวอยู่เป็นประจำ ร่องรอยอารยธรรมต่าง ๆ หมู่เกาะซากปรักหักพัง ถูกทับถมด้วยดินจนไม่สามารถจะหาพบได้ คาดว่าสิ่งที่ค้นพบนี้ไม่ถึงครึ่ง ด้วยซ้ำไป ความยากลำบาก ที่นักสำรวจประสบคือ ประชากรคนป่าของหมู่เกาะเหล่านั้น ซึ่งต่างก็เชื่อและความหวาดกลัวที่จะไม่เข้าใกล้ซากปรักหักพังเหล่านั้น พวกเขาเชื่อว่าซากเหล่านี้มีผีและดวงวิญญาณสิงสถิตอยู่ ซึ่งพวกเขาเรียกว่า เมาลี

[nook.9]

หมู่เกาะอิสเตอร์- เกาะอิสเตอร์ ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้สุดของหมู่เกาะโปลีนีเซีย อยู่ห่างจากชายฝั่งอเมริกาใต้ ราว 2,260 กิโลเมตร ยาว 208 กว้าง 112 กิโลเมตร เป็นที่ทราบกันที่นะครับ ว่า ทุกคนคงรู้จักโมอัย หินสลัก อนุสาวรีย์หิน นอกจากนั้น ยังมีสิ่งที่ขุดค้นที่มีขนาดใหญ่ที่สุดคือ รูปจำลองที่ยังสร้างไม่เสร็จ ความสูง 21 เมตร และชิ้นที่เล็กที่สุดค้นพบในถ้ำ มีขนาดยาว 1 เมตร คาดว่า รูปจำลองเหล่านี้เป็นตัวแทนของบุคคลสำคัญ และตั้งใจสร้างไว้เป็นอนุสาวรีย์เพื่อรำลึก





หินนี้ แกะจากหินภูเขาไฟ ปัจจุบันสงบแล้ว ชื่อ รานา โรรากา (Rana Roraka) และ รานา ราโอ (Rana rao) คือซากปรักหักพังของวิหาร คาดว่า มีขนาดความยาว 30 เมตร กว้าง 6 เมตร กำแพงยังคงตระหง่าน สูง 1.5 เมตร หนา 1.5 เมตร

หมู่เกาะคุก (Cook group) หมู่เกาะคุก ตั้งอยู่ทางใต้ของอาวาย ประมาณ 40 องศา อยู่ครึ่งระหว่าง ตาฮิติ และ ฟิจิ มีเกาะ 2 เกาะ เกาะแรกคือ เกาะ ราราตองกา (Raratonga) บนเกาะนี้มีส่วนเล็ก ๆ ของถนนที่ได้กล่าวไว้ในจารึก หมู่เกาะ อีสเตอร์ และตำนาน เกาะที่ 2 คือ เกาะ แมนเจีย อยุ่ใต้สุดของหมู่เกาะคุก มีขนาดใหญ่ครึ่งหนึ่งของเกาะอีสเตอร์ บนเกาะมีชิ้นส่วนที่คล้ายคลึงกับที่มีอยู่บนเกาะอิสเตอร์ แต่ไม่มีร่องรอยการขุด เจาะ คิดว่าชิ้นส่วนนี้ ถูกนำมาจากที่อื่น

ตองกา ตาบู (Tonga tabu) ตางกา– ตาบู คือ เกาะหินปะการังในหมู่เกาะตองกา ไม่มีชิ้นส่วนของหินธรรมชาติ มีเพียงหินปะการังเท่านั้น มี อนุสาวรีย์หินขนาดใหญ่ ที่สร้างขึ้นในลักษณะของซุ้มประตู ประกอบด้วยเสาตั้งตรง 2 เสา มีน้ำหนักเสาละ 70 ตัน เสา 2 เสา นี้ เชื่อมติดกับหินส่วนบน ซึ่งหนัก 25 ตัน และไม่มีหินบนเกาะนี้ คิดว่า นำมาจากที่อื่น ระยะทางประมาณ 220 กิโลเมตร ทำให้มีการคาดเดาว่า คนโบราณใช้เรือชนิดใด ขนหินที่มีน้ำหนักมาขนาดนั้น และใช้เครื่องมือชนิดใดในการติดตั้งเสาบนพื้นที่แห่งนี้ มีความพยายามกันเหลือเกินเลยครับ

[nook.9]

หมู่ เกาะกิลเบิร์ต และมาร์แชล (The Gilbert and Marshall Groups) บนเกาะนี้ หลายเกาะที่ประกอบกันเป็นหมู่เกาะทั้งสองนี้ มีการค้นพบ ปิรามิด ทรงผอม สูง สร้างด้วยหิน ชนพื้นเมือง ใช้เครื่องหมายศักดิ์สิทธิ์ ของแผ่นดินแม่ เป็นเครื่องประดับ โดยไม่ทราบว่า พวกเขาได้แบบอย่างนี้มาจากไหน

หมู่เกาะ คาโรไลน์ (Caroline Group) จากเกาะนี้ ไม่มีสิ่งที่ค้นพบที่ไหนที่น่าอัศจรรย์ เท่าบนหมู่เกาะคาโรไลน์ คือ หมู่เกาะตั้งอยู่เป็นระยะทางการเดินทางของดวงจันทร์ 1 ครั้ง จากพม่า ซึ่งตามจารึก นาอะคัล และวัลมิกิ เคยเป็น ที่ตั้งของแผ่นดินแม่ของมนุษยชาติ จุดที่อพยพกลุ่มแรกสู่พม่า และอินเดียได้จากมา

ปานาเป (Panape) เกาะนี้มีซากที่ถือว่าสำคัญที่สุดในหมู่เกาะทะเลใต้ มีซากปรักหักพังของวิหาร โครงสร้าง ขนาดกว้าง 18 เมตร ยาว 90 เมตร กำแพง ตั้งอยู่ สูง 9 เมตร หนา 1.5 เมตร บนกำแพงมีร่องรอยรูปสลักลักษณ์อันศักดิ์สิทธิ์ ของแผ่นดินแม่ มีทางเจาะผ่านกำแพง เข้าไปภาย มีลานสี่เหลี่ยม เป็นห้องศูนย์กลางของปิรามิด



ซากสิ่งก่อสร้าง แห่งเกาะ ปานาเป

เกาะ สวอลโลว์ (Swallow Island) อยู่ตำแหน่ง 12 องศาของเกาะปานาเป เกาะเล้ก ๆ นี้มีปิรามิด โครงสร้างคล้ายกับปิรามิดบนเกาะกวม และไทเนียน

[nook.9]

ซากปรักหักพังที่เกาะไทเนียน

เกาะ คูไซ (Kusai Island) พบซากนี้ คล้ายเกาะ ปานาเป แต่ไม่ได้มีรายละเอียดมาก มีสิ่งก่อสร้างสูงประมาณ 10 เมตร ชาวพื้นเมืองระบุว่า “ชนที่เคยอาศัยบนเกาะนี้นั้นมีพลังอำนาจสูง พวกเขามีเรือใหญ่ที่สามารถเดินทางไกลมาก ๆ ได้ จากตะวันตกสู่ตะวันออก ต้องใช้ระยะเวลาหลายรอบของดวงจันทร์” ข้อความนี้พ้องกับ บันทึกของ วัลมิกิ “ชาวมายาเป็นนักเดินเรือผู้ยิ่งใหญ่ ผู้มีเรือสามารถเดินทางจากตะวันออกสู่ตะวันตกของมหาสมุทร และจากทางใต้สู่ทางเหนือของท้องทะเล”


เกาะเลเล (Lele Island) ถูกแยกออกจากเกาะ คูไซโดยช่องแคบ ทั่วเกาะมีสิ่งก่อสร้างเป็นหินเรียงกัน ล้อมรอบด้วยกำแพง ภายในห้องมี ถ้ำที่ทำเอง และทางเดินลับมากมาย ชาวพื้นเมืองบนเกาะนี้ เกลียดชังชนผิวขาวมาก พวกเขาเคยเป็นมนุษย์กินคน ที่ร้ายกาจ


หมู่เกาะคิงส์มิลล์ (Kingsmill Island) เกาะ ตาปิโต 1 ในหมู่เกาะนั้น พบปิรามิด ทรงผอมสูง แบบเดียวกับที่พบในเหมู่เกาะกิลเบิร์ต และมาร์แชล


หมู่เกาะนาวิเกเตอร์ (Navigator Island) พบสิ่งก่อสร้างเป็นหินมากมายบนหูม่เกาะเหล่านี้ 1 ในนั้นมีสิ่งก่อสร้างเป็นแท่นสร้างจากหินภูเขาไฟ เส้นผ่านศุนย์กลาง 45 เมตร สูง 6 เมตร


หมู่เกาะ ลาโดรเน หรือ มาเรียนา (กวม) (Ladrone, or Mariana Group (Guam)) มีสิ่งก่อสร้าง เป็นแท่งหิน และเสาหินทรงปิรามิด สูง ประมาณ 6 เมตร


ฮาวาย (Hawill) 48 กิโลเมตร จากเมือง ฮีโล พบซากปรักหักพัง บนเนินเขา ชื่อ กูกีอี (Kukii) ยอดเนินเขา ถูกปรับประดับ และทำให้เป็นสี่เหลี่ยม สิ่งก่อสร้างถูกวางมีลักษณะเป็น 4 มุม ส่วนบนของเนินเขาทำเป็นชั้น ๆ หินทุกชั้นถูกเกลาและขัด ทุก ๆ ด้าน เพื่อสามารถเข้ากันได้


หมู่เกาะ มาร์ควีซัน (The Marquesans) มีซากปรักหักพัง อยู่บ้าง


แม้จะมีอารยธรรมที่หลงเหลืออยู่บ้าง แต่ไม่รู้ว่าใต้ทะเลเราจะเจออะไรกันบ้าง คิดว่าคงมีไม่น้อยเลยทีเดียวครับ จากการถูกทับถมเป็นเวลาหลายพันปี อารยธรรมเหล่านี้แม้จะสูญสลายไปตามกาลเวลา แต่คุณค่าทางจิตใจ ของมนุษย์ก็ยังคงอยู่ จากการจารึก จากมนุษย์ ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ที่คนยุคหลัง ๆ ได้แต่เพียงสันนิฐานเท่านั้น

[Chompoo Freaky Pinky.6]

สุดยอดเลย ขอบใจสำหรับข้อมูลดีๆ ที่เอามาแบ่งปันนะจ๊ะ

แปลกนะ ทั้งๆ ที่แถบนี้เคยเป็นแหล่งอารยธรรมที่เจริญที่สุด แต่ปัจจุบันกลุ่มคนที่ยังอาศับอยู่บนหมู่เกาะเหล่านี้ กลับยังไม่พัฒนาไปถึงไหน ยังใช้ชีวิตแบบคนป่า อยู่ในกระท่อม เชื่อถือผีสางอะรัย ประมาณนี้ รึเป็นเพราะว่าเค้าถูกตัดขาดจากโลกภายนอก ไม่สามารถสร้างเรือที่มีประสิทธิภาพพอที่จะออกไปสำรวจหมู่เกาะอื่นๆ ได้ แต่สำหรับเราๆ คงถือว่าเป็นสิ่งแปลกใหม่ ที่กลุ่มคนเหล่านั้นยังสามรถดำรงชีวิตอยู่ได้จนถึงปัจจุบันนี้ ด้วยวิถีการดำรงชีวิตแบบดึกดำบรรพ์

[Chompoo Freaky Pinky.6]

มาเพิ่มเติม เราเคยไปอยู่ที่นิวซีแลนด์ ซึ่งมีคนที่เราเรียกกันว่า islanders มาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก คนพวกนี้มาจากหมู่เกาะแปซิฟิกต่างๆ ทั้ง fiji, tonga, samoa tahiti, etc. ลักษณะภายนอกจะดูเหมือนๆกันคือ รูปร่างใหญ่มากก ผมหยิกดำ ผิวคล้ำ จมูกใหญ่คล้ายรูปชมพู่ แต่ที่น่าแปลกใจคือ ทั้งๆ ที่เกาะก้อไม่ไกลจากกัน แต่เค้าพูดกันคนละภาษา คือมีภาษาเป็นของตัวเองเลยในแต่ละเกาะ น่าปวดหัวดีแท้

นอกจากนี้ ที่นิวซีแลนด์ยังมีชนพื้นเมืองแท้ คือ พวกเมารี ที่อาศัยอยู่ก่อนที่คนผิวขาวจะมาไล่ที่พวกเมารี คนเมารีเองก้อมีหน้าตาคล้ายๆ กับพวก Islanders เหมือนกัน แต่ถ้าสังเกตดีๆ พวกเมารีจะผิวขาวกว่า และหน้าตาดีกว่า และมีภาษาพูดเป็นภาษาเมารี พวกเมารีเค้าจะภูมิใจในความเป็นเมารีมากๆ มานั่งไล่กันเลยใครมีเลือดเสี้ยว ครึ่ง รึว่าเป็นเมารีเต็มๆ (ตอนเราไปแรกๆ ก้อแยกไม่ออกนึกว่าพวก Islanders เป็นเมารีไปซะหมด)

ปัจจุบัน พวกเมารีที่อาศัยอยู่ในนิวซีแลนด์ ได้ก่อตั้งเป็นหมู่บ้านและองค์กรณ์ต่างๆ สำหรับคนเมารีรุ่นใหม่ ให้เรียนรู้ภาษาเมารี การแกะสลักที่มีลวดลายแบบเฉพาะของเมารี และวัฒนธรรมต่างๆ ไม่ให้สูญหายไปอีกด้วย

เรามาตั้งข้อสังเกตุดูว่า Hawaiian, Maori and Islanders ทั้งหลายจะมีหน้าตาและรูปร่างคล้ายกันมาก เราคิดว่าพวกนี้อาจจะสิบเชื้อสายมาจากชนเผ่าในอดีต แต่เมื่อเวลาผ่านไป บางกลุ่มก้อได้ย้ายไปตั้งรกรากใหม่ บนเกาะแห่งใหม่ (ที่ก้อยังอยู่ในบริเวณเกาะมู) และเริ่มมีภาษาพูดต่างๆ กันไป

[ไซนิล.7]

เป็นที่ถกเถียงกันว่า แอตแลนติส กับ อาณาจักรมูนั้น เป็นสถานที่เดียวกันหรือเปล่า

อ่านข้อมูลอาณาจักรมูเพิ่มเติม แบบเข้าใจง่าย อ่านสนุก ได้ที่นี่

[nook.9]

Google Earth เจอทวีปแอตแลนติส?




ข่าวสนุกๆ วันนี้คือ Bernie
Bamford วิศวกรการบินจากประเทศอังกฤษ
ค้นพบตารางสี่เหลี่ยมที่ดูเหมือนผังเมือง อยู่นอกชายฝั่งแอฟริกาตอนเหนือ
ในมหาสมุทรแอตแลนติก
การค้นพบครั้งนี้อยู่ในโปรแกรม Google Earth เวอร์ชัน 5.0
พิกัดของตำแหน่งนี้คือ 31 15'15.53N 24 15'30.53W ผมลองใน Google Maps
แล้วเห็นเหมือนกัน ภาพอยู่ด้านใน
แน่นอนว่าการค้นพบครั้งนี้ทำให้ข้อสงสัยว่ามันคือซากของทวีปแอตแลนติส ถูกนำมาพูดถึงกันอีกครั้งหนึ่ง ต้นฉบับของทวีปแอตแลนติสคือเพลโตเคยพูดไว้ว่า

For the ocean there was at that time navigable; for in
front of the mouth which you Greeks call, as you say, 'the pillars of
Heracles,' there lay an island which was larger than Libya and Asia
together

The pillars of Heracles
ในปัจจุบันคือปากทางเข้าช่องแคบยิบรอลตาร์ (สเปนกับแอฟริกาเหนือ)
ในปัจจุบัน ซึ่งก็สอดคล้องกับตำแหน่งของร่องรอยที่พบในครั้งนี้
ตามคำของเพลโต อาณาจักรแอตแลนติสเคยรุ่งเรืองอยู่สมัย 9000 ปีก่อนคริสตกาล
ขนาดของตารางสี่เหลี่ยมใกล้เคียงกับเวลส์
ผู้เชี่ยวชาญด้านแอตแลนติสบอกว่ามันเป็นการค้นพบที่น่าสนใจมาก
ถึงแม้ว่าสุดท้ายแล้วมันจะเกิดจากธรรมชาติล้วนๆ ก็ตาม



View Larger Map

อ้างอิงจาก : http://blognone.com/node/10788