Geek Programming :: ใครเขียนโปรแกรมภาษาอะไรกันบ้าง

[Sucha.3]

เห็นว่าอาจจะเกิดประโยชน์เลยขอพูดสักเล็กน้อยเกี่ยวกับภาษา Python ละกัน
ใครเขียนภาษาอื่นๆ มีจุดเด่นหรือใช้งานอะไรเป็นพิเศษ ก็ช่วยๆ แนะนำกันด้วยนะครับ

ตอนนี้หัดเขียน Python อยู่ครับ พอดีนั่งแก้ bug มานาน เอาโค๊ดมาแปะให้ดูเล่นๆ เผื่อใครสนใจ อิอิ

Code:


   def __updateZ(self, sd, flows):
      m = 0
      n = len(flows)
      fc = [f.Var.getCost() for f in flows]
      def F(z=None, y=None):
         if z is None and y is None:
            return m, matrix(0.0, (n,1), 'd')
         C = sum( [exp(-x) for x in z])
         f = matrix( log(C) + sum( map( lambda a,b: a*b, fc, [exp(x) for x in z] ) ), (1,1), 'd')
         df = matrix( map( lambda a,b: -exp(-b)/C + exp(b)*a, fc, [x for x in z] ) , (1,n), 'd')
         if y is None:
            return f, df
         H = matrix(0.0, (n,n), 'd')
         for i in range(n):
            for j in range(n):
               if i == j:
                  H[i,j] = exp(-z[i])/C - exp(-2.0*z[i])/(C**2) + exp(z[i])*fc[i]
               else:
                  H[i,j] = -exp(-z[i]-z[j])/(C**2)
         return f, df, y[0]*H
      self.F = F
      sol = solvers.cp(F)
      for i in range(len(flows)):
         flows[i].Var.RateZ = sol['x'][i]


จาก: xkcd

ภาษานี้มีจุดเด่นคือไม่มีวงเล๊ปแต่ใช้วิธีการเว้นวรรคหรือ indent เอาครับ อีกอย่างหนึ่งคือเป็นภาษาแบบไดนามิกส์ dynamic language ครับ ส่วนที่ผมชอบมากๆ เลยคือมันมี lambda แบบเบื้องต้นมาให้ใช้ (แต่ทรงพลังมาก) เพราะทำให้เราสามารถสร้าง ฟังก์ชัน ที่ใช้สร้างฟังก์ชัน ได้ (เขียนไม่ผิดครับ ) ดูตัวอย่างดีกว่า

Code:


>>> def CreateFunctionPlusN(n):
...    return lambda x: x + n
...
>>> f = CreateFunctionPlusN(3)
>>> f(0)
3
>>> f(1)
4
>>> g = CreateFunctionPlusN(10)
>>> g(0)
10
>>> g(1)
11


จะเห็นว่าเราสามารถสร้างฟังก์ชันที่บวกจำนวนเพิ่มขึ้นไป n จากฟังก์ชัน CreateFunctionPlusN(n)

[namfon.13]

เราเขียนไม่เป็น
เรียนแล้วเรียนอีกก็ไม่ช่วยอะไรเลย
จัดระบบความคิดตัวเองยังไม่ได้เลย ^^"

[Copy6.9]

มีของแบบนี้อยู่ในโลกด้วยเหรอเนี่ย !!!

[ALT+F4]

เล่นด้วยๆ
เริ่มจาก VB.Net

Code:


Private _flow As RentRoomFlow
Private _error As String = ""
Dim dcFlow As New DocCodeFlow
Dim _VatConfig As SysConFigFlow
Dim ctlFocus As Control
Public ReadOnly Property FlowObj() As RentRoomFlow
Get
If _flow Is Nothing Then
_flow = New RentRoomFlow
End If
Return _flow
End Get
End Property
Public ReadOnly Property VatConfig() As SysConFigFlow
Get
If _VatConfig Is Nothing Then
_VatConfig = New SysConFigFlow
End If
Return _VatConfig
End Get
End Property


[ALT+F4]

C#.Net

Code:


private bool doInsert(OracleTransaction zTrans)
{
bool ret = true;
if (!_OnDB)
{
try
{
_LOID = OracleDB.GetLOID(tableName, zTrans);
if (_CODE == "") _CODE = OracleDB.GetRunningCode(tableName, _TYPE, zTrans);
ret = (OracleDB.ExecNonQueryCmd(sql_insert, zTrans) > 0);
if (!ret) _error = OracleDB.Err_NoInsert;
else _OnDB = true;
}
catch (OracleException ex)
{
ret = false;
_error = OracleDB.GetOracleExceptionText(ex);
}
catch (Exception ex)
{
ret = false;
_error = ex.Message;
}
}
return ret;
}
 


[ALT+F4]

PHP

Code:


  $sql="SELECT CONVERT(varchar,l.last_update, 106) last_update_date,
    CONVERT(varchar(5),l.last_update, 108) last_update_time
    FROM honda.Honda.KS_LAST_UPDATE l
    WHERE CONVERT(VARCHAR(6), l.update_month,112)='".$year.$month."' AND l.staff_id=$kousuu_staff_id";
  $result=mssql_query($sql);
  $row=mssql_fetch_array($result);
  $num_row=mssql_num_rows($result);


[ALT+F4]

ส่วนตัวเรา เนื่องจากเราเขียนโปรแกรมอยู่หลายภาษา ตามความต้องการของลูกค้าที่ว่าจ้าง
ก็เลยไม่ได้ใส่ใจรายละเอียดเกี่ยวกับข้อดี ข้อเสียของแต่ละภาษาที่ใช้
รู้เพียงแค่ว่า ถ้าภาษาที่กำลังเขียนมีเทคนิคอะไรบ้าง แล้วถ้าเปลี่ยนไปเขียนอีกภาษานึงจะต้องเขียนอย่างไร
เพราะการเขียนโปรแกรมกับฐานข้อมูล มันก็จะมีเทคนิคการเขียนโปรแกรมที่คล้ายๆ กันอยู่แล้ว

แต่โดยมากเลย เรามักจะเขียน Syntax ของทุกภาษาให้ออกมาคล้ายๆ กัน
เพื่อที่ตอนที่จะสลับไปเขียนอีกภาษานึงจะได้ไม่งง

[Sucha.3]

ไม่เคยเขียน VB เลย ภาษาที่เริ่มเขียนคือ pascal

เอ๊ะ น่าจะหลายๆ คนเริ่มที่ปาสคาลนะ ม.ปลาย อุดรพิทย์สอนนิ รำลึกความหลัง T-T

[ALT+F4]

ไม่เคยเขียน VB เลย ภาษาที่เริ่มเขียนคือ pascal

เอ๊ะ น่าจะหลายๆ คนเริ่มที่ปาสคาลนะ ม.ปลาย อุดรพิทย์สอนนิ รำลึกความหลัง T-T

ไม่เคยเรียนวิชาคอมพิวเตอร์ในโรงเรียนอุดรพิทยานุกูลเลย สาบาน

[ไซนิล.7]

ไม่ถนัดทางนี้เลย ง่ายที่สุดที่ได้คือ html 55+ เดาๆเอาด้วยนะ -"-

คิดเหมือนน้ำฝนเลย คือคนที่เขียนโปรแกรมเก่งๆนี่ท่าทางจะจัดระบบความคิดตัวเองได้เก่งมากๆ

ชมๆ

[ALT+F4]

ไหนๆ กระทู้นี้ก็ว่ากันด้วยเรื่องของ Programming แล้วนะ
ขอแสดงผลงานทางด้านการออกแบบบ้างดีกว่า

เพื่อนที่เคยเรียนวิชาที่ว่าด้วยการวิเคราะห์และออกแบบระบบ
ก็คงจะรู้ดีว่า นี่มันคือ Data Flow Diagram

หน้านี้หน้าเดียว เราใช้เวลาวาดเป็นเดือนเลย
มึนหัวตึบๆ

[Sucha.3]

ม่ายเคยเรียนนะ -_-"
เรียนแต่ Data Structure & Algorithm I & II ถ้าแนวออกแบบก็ Software Engineering แต่ใช้ UML, CMMI, Unified process

จริงๆ ไม่ค่อยชอบเขียนโปรแกรม แต่ชอบออกแบบ Algorithm เพื่อแก้ปัญหา complexity มากกว่านะ ปล่อยให้คนชอบเขียนโปรแกรมเอาไปเขียนแทน แบบว่าขี้เกียจเขียนแล้วหาข้ออ้างนะ

[Sucha.3]

namfon.13 & ดช.ไซนิล.7:
ของแบบนี้ต้องฝึก ยากหน่อยช่วงแรก พอเป็นแล้วจะเขียนภาษาอะไรก็ได้ เหมือนคนขับรถเป็นจะไปขับรถยี่ห้องอะไรแบบไหนก็ได้ (แต่ใช้เวลาเรียนรู้ให้เคยชินอีกนิดหน่อย)

[ALT+F4]

namfon.13 & ดช.ไซนิล.7:
ของแบบนี้ต้องฝึก ยากหน่อยช่วงแรก พอเป็นแล้วจะเขียนภาษาอะไรก็ได้ เหมือนคนขับรถเป็นจะไปขับรถยี่ห้องอะไรแบบไหนก็ได้ (แต่ใช้เวลาเรียนรู้ให้เคยชินอีกนิดหน่อย)

ใช่แล้วครับ
ยุคนี้เป็นยุคทองของการเริ่มต้นเขียนโปรแกรมเลยก็ว่าได้
ในโลกของการเขียนโปรแกรม ตอนนี้มันมีเครื่องไม้เครื่องมืออยู่มากมาย มาช่วยอำนวยความสะดวกให้กับโปรแกรมเมอร์
ช่วยให้การเขียนโปรแกรมได้ง่ายขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะเลย

[namfon.13]

namfon.13 & ดช.ไซนิล.7:
ของแบบนี้ต้องฝึก ยากหน่อยช่วงแรก พอเป็นแล้วจะเขียนภาษาอะไรก็ได้ เหมือนคนขับรถเป็นจะไปขับรถยี่ห้องอะไรแบบไหนก็ได้ (แต่ใช้เวลาเรียนรู้ให้เคยชินอีกนิดหน่อย)

แค่อัลกอริทึ่มเราก็เรียนแล้วเรียนอีกจนชักจะทึ่มแล้วอ่ะ ^^
แต่ก็มีความคิดว่าถ้าว่างๆก็อยากจะเรียนรู้อีกครั้งเหมือนกัน
เพราะตอนเรียนขี้เกียจไงก็เลยไม่รู้เรื่อง 55

[nook.9]

ระบบทางความคิดเรายังยุ่งเหยิงอยู่อะ เขียนไม่เคยได้เลย

[ALT+F4]

namfon.13 & ดช.ไซนิล.7:
ของแบบนี้ต้องฝึก ยากหน่อยช่วงแรก พอเป็นแล้วจะเขียนภาษาอะไรก็ได้ เหมือนคนขับรถเป็นจะไปขับรถยี่ห้องอะไรแบบไหนก็ได้ (แต่ใช้เวลาเรียนรู้ให้เคยชินอีกนิดหน่อย)

แค่อัลกอริทึ่มเราก็เรียนแล้วเรียนอีกจนชักจะทึ่มแล้วอ่ะ ^^
แต่ก็มีความคิดว่าถ้าว่างๆก็อยากจะเรียนรู้อีกครั้งเหมือนกัน
เพราะตอนเรียนขี้เกียจไงก็เลยไม่รู้เรื่อง 55

เขียนโปรแกรม มันจะยากตอนเริ่ม
แต่พอเริ่มไปแล้ว ทุกอย่างมันก็จะง่าย

พยายามต่อไป อีกไม่นาน จะรู้สึกเหมือนมีเวทมนต์ ดลบันดาลสิ่งใด ก็จะง่ายแค่ปลายนิ้ว

[namfon.13]

namfon.13 & ดช.ไซนิล.7:
ของแบบนี้ต้องฝึก ยากหน่อยช่วงแรก พอเป็นแล้วจะเขียนภาษาอะไรก็ได้ เหมือนคนขับรถเป็นจะไปขับรถยี่ห้องอะไรแบบไหนก็ได้ (แต่ใช้เวลาเรียนรู้ให้เคยชินอีกนิดหน่อย)

แค่อัลกอริทึ่มเราก็เรียนแล้วเรียนอีกจนชักจะทึ่มแล้วอ่ะ ^^
แต่ก็มีความคิดว่าถ้าว่างๆก็อยากจะเรียนรู้อีกครั้งเหมือนกัน
เพราะตอนเรียนขี้เกียจไงก็เลยไม่รู้เรื่อง 55

เขียนโปรแกรม มันจะยากตอนเริ่ม
แต่พอเริ่มไปแล้ว ทุกอย่างมันก็จะง่าย

พยายามต่อไป อีกไม่นาน จะรู้สึกเหมือนมีเวทมนต์ ดลบันดาลสิ่งใด ก็จะง่ายแค่ปลายนิ้ว

สู้ๆจ๊ะ ^^

[takumi.9]

ม่ายเคยเรียนนะ -_-"
เรียนแต่ Data Structure & Algorithm I & II ถ้าแนวออกแบบก็ Software Engineering แต่ใช้ UML, CMMI, Unified process

จริงๆ ไม่ค่อยชอบเขียนโปรแกรม แต่ชอบออกแบบ Algorithm เพื่อแก้ปัญหา complexity มากกว่านะ ปล่อยให้คนชอบเขียนโปรแกรมเอาไปเขียนแทน แบบว่าขี้เกียจเขียนแล้วหาข้ออ้างนะ

DataFlow อยู่ใน Software Engineering ครับ

[vickstor.16]

คุยเรื่องรัยกันเหรอ งงง

[Sucha.3]

ม่ายเคยเรียนนะ -_-"
เรียนแต่ Data Structure & Algorithm I & II ถ้าแนวออกแบบก็ Software Engineering แต่ใช้ UML, CMMI, Unified process

จริงๆ ไม่ค่อยชอบเขียนโปรแกรม แต่ชอบออกแบบ Algorithm เพื่อแก้ปัญหา complexity มากกว่านะ ปล่อยให้คนชอบเขียนโปรแกรมเอาไปเขียนแทน แบบว่าขี้เกียจเขียนแล้วหาข้ออ้างนะ

DataFlow อยู่ใน Software Engineering ครับ

สงสัยจะลืมหมดแล้ว T-T แต่ตอนเรียนเหมือนตอนเรียนจะมีแต่ use case กับ use diagram

[ALT+F4]

จะว่ากันด้วยเรื่องของการเขียนโปรแกรม
ฐานข้อมูลก็มีส่วนสำคัญ
หากจะศึกษากันจริงๆ ก็ควรจะศึกษาเกี่ยวกับฐานข้อมูลควบคู่กันไปด้วย
ซึ่งในตอนนี้ก็มีอยู่ด้วยกันหลายค่าย
เช่น Oracle, SqlServer, MySql, Access ฯลฯ
โดยแนวคิด (Concept) แล้วระบบฐานข้อมูล ก็จะคล้ายคลึงกัน
แต่จะแตกต่างกันในเรื่องของวิธีการจัดการ การบริหารข้อมูล และพวกคำสั่งเฉพาะต่างๆ

รวมๆ แล้ว เลือกเอาซักอัน เพื่อเริ่มศึกษาอย่างจริงจัง (เหมือนกับเขียนโปรแกรม) แล้วที่เหลือก็ค่อยไปประยุกต์ใช้ได้

[Sucha.3]

จะว่ากันด้วยเรื่องของการเขียนโปรแกรม
ฐานข้อมูลก็มีส่วนสำคัญ
หากจะศึกษากันจริงๆ ก็ควรจะศึกษาเกี่ยวกับฐานข้อมูลควบคู่กันไปด้วย
ซึ่งในตอนนี้ก็มีอยู่ด้วยกันหลายค่าย
เช่น Oracle, SqlServer, MySql, Access ฯลฯ
โดยแนวคิด (Concept) แล้วระบบฐานข้อมูล ก็จะคล้ายคลึงกัน
แต่จะแตกต่างกันในเรื่องของวิธีการจัดการ การบริหารข้อมูล และพวกคำสั่งเฉพาะต่างๆ

รวมๆ แล้ว เลือกเอาซักอัน เพื่อเริ่มศึกษาอย่างจริงจัง (เหมือนกับเขียนโปรแกรม) แล้วที่เหลือก็ค่อยไปประยุกต์ใช้ได้

ถ้าภาระงานไม่มากจนเกินไป ใช้ตัวไหนคงไม่ต่างกันมาก

ในบางกรณีสถาปัตยกรรมของฐานข้อมูลที่ไม่เหมือนกัน ทำให้มีคำสั่งในการจัดการและความเร็วที่แตกต่างกันไป
จะเห็นผลจริงๆ ก็เมื่อ ฐานข้อมูลใหญ่ และ/หรือ parallel query พร้อมๆ กันมากๆ หรือโหลดเข้ามาหนัก
แต่ปัญหาเหล่านี้บางทีทำให้เบาบางลงได้ โดยการออกแบบฐานข้อมูลพิเศษสำหรับกรณีพิเศษข้างต้น
ตัวอย่างการออกแบบฐานข้อมูลเช่น Database Normalization

[takumi.9]

จะว่ากันด้วยเรื่องของการเขียนโปรแกรม
ฐานข้อมูลก็มีส่วนสำคัญ
หากจะศึกษากันจริงๆ ก็ควรจะศึกษาเกี่ยวกับฐานข้อมูลควบคู่กันไปด้วย
ซึ่งในตอนนี้ก็มีอยู่ด้วยกันหลายค่าย
เช่น Oracle, SqlServer, MySql, Access ฯลฯ
โดยแนวคิด (Concept) แล้วระบบฐานข้อมูล ก็จะคล้ายคลึงกัน
แต่จะแตกต่างกันในเรื่องของวิธีการจัดการ การบริหารข้อมูล และพวกคำสั่งเฉพาะต่างๆ

รวมๆ แล้ว เลือกเอาซักอัน เพื่อเริ่มศึกษาอย่างจริงจัง (เหมือนกับเขียนโปรแกรม) แล้วที่เหลือก็ค่อยไปประยุกต์ใช้ได้

ถ้าภาระงานไม่มากจนเกินไป ใช้ตัวไหนคงไม่ต่างกันมาก

ในบางกรณีสถาปัตยกรรมของฐานข้อมูลที่ไม่เหมือนกัน ทำให้มีคำสั่งในการจัดการและความเร็วที่แตกต่างกันไป
จะเห็นผลจริงๆ ก็เมื่อ ฐานข้อมูลใหญ่ และ/หรือ parallel query พร้อมๆ กันมากๆ หรือโหลดเข้ามาหนัก
แต่ปัญหาเหล่านี้บางทีทำให้เบาบางลงได้ โดยการออกแบบฐานข้อมูลพิเศษสำหรับกรณีพิเศษข้างต้น
ตัวอย่างการออกแบบฐานข้อมูลเช่น Database Normalization

ว่าตามตรงแล้ว การ normalization ใน Database มันจำเป็นต้องทำอยู่แล้ว ตั้งแต่การออกแบบ
แรก เริ่มวาด ER หา relation แล้วก็ normalization จนมัน normalization อีกไม่ได้
หรือ เข้าเกณฑ์ ไหน ก็ว่าไปตาม หลักของการ normalization
สำหรับเราถ้าในกรณี Databaseไม่ใหญ่ มาก ก็ไม่ได้ มานั่งหา หรือเขียน normalization เต็มที่วาด ER เสร็จ เขียนตารางเลย
(เพราะ ตอนเขียน ER ได้ normalizationไปในตัวแล้ว เนื่องจากระบไม่ใหญ่)
แต่ถ้า Databaseใหญ่ มาก ก็จำเป็นต้องทำให้เป็นระบบ เพราะ ถ้าไม่ทำเป็นระบบ พอทำไปเรื่อยแล้ว จะมั่วมาก ต้องกลับมาแก้ไข ทำให้เสียเวลา
แล้วถ้าแก้ ก็ อาจจะต้องแก้ใหม่ ทั้ง Database เลย

[basketbom.6]

สนใจ จะบินได้กับ python ด้วยคนคับ เริ่มจากศูนย์ได้มั๊ย ถ้ามี tutorial มาแบ่งกันมั่งนะคับ เริ่มเขียนจาก pascal เหมือนกันคับ ตอนนี้ใช้ php และ mysql กับ visual fox pro เป็นเครื่องมือทำมาหากินคับ