Geek Myth :: ว่าด้วยเรื่องของ "สามเหลี่ยมเบอรฺ์มิวด้า"
+5
toe.4
Chompoo Freaky Pinky.6
namfon.13
Copy6.9
nook.9
9 posters
udonpit99.com :: ห้องชมรม :: ห้องชมรม :: ชมรมGeek
หน้า 1 จาก 2
หน้า 1 จาก 2 • 1, 2
Geek Myth :: ว่าด้วยเรื่องของ "สามเหลี่ยมเบอรฺ์มิวด้า"
ขอเกริ่นลักษณะ และที่มาก่อนนะครับ
สามเหลี่ยมเบอร์มิวดา (Bermuda Triangle) เป็นบริเวณสมมติในมหาสมุทรแอตแลนติก มีเนื้อที่ประมาณ 1.2 ตร.กม. อยู่ระหว่างจุด 3 จุดที่ไม่เป็นรูปสามเหลี่ยมด้านเท่า ได้แก่ เปอร์โตริโก ปลายสุดของมลรัฐฟลอริดาในสหรัฐอเมริกา และเกาะเบอร์มิวดาซึ่งเป็นดินแดนในปกครองของสหราชอาณาจักร สามเหลี่ยมเบอร์มิวดาเป็นที่รู้จักทางสื่อมวลชนอย่างแพร่หลาย หลังจากที่ค้นพบว่าคุณสมบัติทางฟิสิกส์ต่างๆ ไม่เป็นไปตามกฎพื้นฐาน
สามเหลี่ยมเบอร์มิวดา เริ่มเป็นที่รู้จักในปี พ.ศ. 2494 (ค.ศ. 1951) หลังจากที่มีเรือขนาดใหญ่หายสาบสูญภายในบริเวณสามเหลี่ยม รวมถึงเครื่องบินและเรือขนาดเล็กอื่นๆ จนได้รับขนานนามว่า \"สามเหลี่ยมปีศาจ\" (The Devil\'s Triangle)
ที่มา
ศัพท์คำว่า \"สามเหลี่ยมเบอร์มิวดา\" หรือ \"Bermuda Triangle\" นี้ มีที่มาจากบทความนิตยสารอาร์กอสซี่ เจ้าของบทความชื่อ Vincent H. Gaddis ได้นำเสนอเรื่องราวของเรือและเครื่องบินที่สาบสูญไปอย่างลึกลับโดยปราศจากคำอธิบายในนิตยสารดังกล่าว เมื่อปี ค.ศ. 1964 แต่ แกดดิส ไม่ได้เป็นคนแรกที่สังเกตเรื่องนี้ ก่อนหน้าในปี ค.ศ. 1952 นาย George X. Sands เสนอเรื่องทำนองนี้เช่นกันในนิตยสาร Fate เนื้อหากล่าวถึงปริมาณของเรือและเครื่องบินที่สาบสูญไปอย่างผิดปกติในบริเวณน่านน้ำดังกล่าว ซึ่งยอดสูญหายนี้มันมากเกินไปกว่าที่จะสันนิษฐานว่าเป็นอุบัติเหตุ
ต่อมาถัดมาในปี ค.ศ. 1969 นายวอลเลซ สเปนเซอร์ ได้เขียนหนังสือว่าด้วยสามเหลี่ยมปริศนานี้โดยเฉพาะออกจำหน่ายในชื่อว่า \"Limbo of the Lost\" ถัดจากนั้นก็มีหนังสือออกจำหน่ายตามมาอีกมากมายเกี่ยวกับความลึกลับของสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา ซึ่งก็มียอดจำหน่ายดีแทบทุกเล่ม ที่มีชื่อเสียงเป็นพิเศษคือบทความที่มีชื่อว่า \"The Devil\'s Triangle\" ตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 1974 ซึ่งเนื้อหาสำหรับเป็นที่ชื่นชอบความลึกลับเกี่ยวกับสามเหลี่ยเบอร์มิวดาเป็นอันมาก เป็นที่น่าสังเกตคือ หนังสือแทบทุกเล่มมุ่งประเด็นไปยังมุมมองที่ว่า เบื้องหลังของการสูญหายนี้ มาจากเทคโนโลยีของสิ่งทรงภูมิปัญญามากกว่าประเด็นอื่น เช่นมาจากมนุษย์ต่างดาว หรือมนุษย์ที่อาศัยอยู่ใต้มหาสมุทรบริเวณนั้น ต่างก็หาหลักฐานและทฤษฎีมาถกเถียงกันและบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวดามีอาณาบริเวณที่กว้างมากจาก ฟลอริด้า-เปอร์โต ริโก-เกาะเบอร์มิวดา กินพื้นที่ประมาณ ห้าแสนตารางไมล์ เพราะฉะนั้นการจะค้นหาอะไรๆจากสามเหลี่ยมเบอร์มิวดาจึงไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็มีองค์กรของรัฐ เอกชน ต่างให้ความสนใจในการสำรวจ โดยหวังว่าจะเจอหลักฐานอะไรก็ตามที่นำมาใช้ไขปริศนาของดินแดนบริเวณนี้ได้ . และมีนักบินขี่เครื่องบินสามลำแล้วหายไปในสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา[center]
Daydream - Avril Lavigne
สามเหลี่ยมเบอร์มิวดา (Bermuda Triangle) เป็นบริเวณสมมติในมหาสมุทรแอตแลนติก มีเนื้อที่ประมาณ 1.2 ตร.กม. อยู่ระหว่างจุด 3 จุดที่ไม่เป็นรูปสามเหลี่ยมด้านเท่า ได้แก่ เปอร์โตริโก ปลายสุดของมลรัฐฟลอริดาในสหรัฐอเมริกา และเกาะเบอร์มิวดาซึ่งเป็นดินแดนในปกครองของสหราชอาณาจักร สามเหลี่ยมเบอร์มิวดาเป็นที่รู้จักทางสื่อมวลชนอย่างแพร่หลาย หลังจากที่ค้นพบว่าคุณสมบัติทางฟิสิกส์ต่างๆ ไม่เป็นไปตามกฎพื้นฐาน
สามเหลี่ยมเบอร์มิวดา เริ่มเป็นที่รู้จักในปี พ.ศ. 2494 (ค.ศ. 1951) หลังจากที่มีเรือขนาดใหญ่หายสาบสูญภายในบริเวณสามเหลี่ยม รวมถึงเครื่องบินและเรือขนาดเล็กอื่นๆ จนได้รับขนานนามว่า \"สามเหลี่ยมปีศาจ\" (The Devil\'s Triangle)
ที่มา
ศัพท์คำว่า \"สามเหลี่ยมเบอร์มิวดา\" หรือ \"Bermuda Triangle\" นี้ มีที่มาจากบทความนิตยสารอาร์กอสซี่ เจ้าของบทความชื่อ Vincent H. Gaddis ได้นำเสนอเรื่องราวของเรือและเครื่องบินที่สาบสูญไปอย่างลึกลับโดยปราศจากคำอธิบายในนิตยสารดังกล่าว เมื่อปี ค.ศ. 1964 แต่ แกดดิส ไม่ได้เป็นคนแรกที่สังเกตเรื่องนี้ ก่อนหน้าในปี ค.ศ. 1952 นาย George X. Sands เสนอเรื่องทำนองนี้เช่นกันในนิตยสาร Fate เนื้อหากล่าวถึงปริมาณของเรือและเครื่องบินที่สาบสูญไปอย่างผิดปกติในบริเวณน่านน้ำดังกล่าว ซึ่งยอดสูญหายนี้มันมากเกินไปกว่าที่จะสันนิษฐานว่าเป็นอุบัติเหตุ
ต่อมาถัดมาในปี ค.ศ. 1969 นายวอลเลซ สเปนเซอร์ ได้เขียนหนังสือว่าด้วยสามเหลี่ยมปริศนานี้โดยเฉพาะออกจำหน่ายในชื่อว่า \"Limbo of the Lost\" ถัดจากนั้นก็มีหนังสือออกจำหน่ายตามมาอีกมากมายเกี่ยวกับความลึกลับของสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา ซึ่งก็มียอดจำหน่ายดีแทบทุกเล่ม ที่มีชื่อเสียงเป็นพิเศษคือบทความที่มีชื่อว่า \"The Devil\'s Triangle\" ตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 1974 ซึ่งเนื้อหาสำหรับเป็นที่ชื่นชอบความลึกลับเกี่ยวกับสามเหลี่ยเบอร์มิวดาเป็นอันมาก เป็นที่น่าสังเกตคือ หนังสือแทบทุกเล่มมุ่งประเด็นไปยังมุมมองที่ว่า เบื้องหลังของการสูญหายนี้ มาจากเทคโนโลยีของสิ่งทรงภูมิปัญญามากกว่าประเด็นอื่น เช่นมาจากมนุษย์ต่างดาว หรือมนุษย์ที่อาศัยอยู่ใต้มหาสมุทรบริเวณนั้น ต่างก็หาหลักฐานและทฤษฎีมาถกเถียงกันและบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวดามีอาณาบริเวณที่กว้างมากจาก ฟลอริด้า-เปอร์โต ริโก-เกาะเบอร์มิวดา กินพื้นที่ประมาณ ห้าแสนตารางไมล์ เพราะฉะนั้นการจะค้นหาอะไรๆจากสามเหลี่ยมเบอร์มิวดาจึงไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็มีองค์กรของรัฐ เอกชน ต่างให้ความสนใจในการสำรวจ โดยหวังว่าจะเจอหลักฐานอะไรก็ตามที่นำมาใช้ไขปริศนาของดินแดนบริเวณนี้ได้ . และมีนักบินขี่เครื่องบินสามลำแล้วหายไปในสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา[center]
Daydream - Avril Lavigne
แก้ไขล่าสุดโดย nook.9 เมื่อ Sun Oct 19, 2008 12:35 am, ทั้งหมด 6 ครั้ง
nook.9- จบมัธยม
- จำนวนข้อความ : 848
: 41
Registration date : 07/10/2008
สมุดพกนักเรียน
รหัสประจำตัว: 990927
วิชาโปรด: คณิตศาสตร์
คะแนนเกียรติยศ:
(1/100)
Re: Geek Myth :: ว่าด้วยเรื่องของ "สามเหลี่ยมเบอรฺ์มิวด้า"
เอาภาพตอนเรือหายมาให้ดูโหน่ยก๊าบ
Copy6.9- โดนไล่ออกจากงาน
- จำนวนข้อความ : 3265
: 41
Registration date : 29/09/2008
สมุดพกนักเรียน
รหัสประจำตัว: 990920
วิชาโปรด: สังคมศึกษา
คะแนนเกียรติยศ:
(3/100)
Re: Geek Myth :: ว่าด้วยเรื่องของ "สามเหลี่ยมเบอรฺ์มิวด้า"
สารคดีเกี่ยวกับสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้าครับ
มีทั้งหมด 4 ไฟล์
http://www.tlcthai.com/webboard/view_topic.php?table_id=1&cate_id=128&post_id=28409
http://www.tlcthai.com/webboard/view_topic.php?table_id=1&cate_id=128&post_id=28410
http://www.tlcthai.com/webboard/view_topic.php?table_id=1&cate_id=128&post_id=28411
http://www.tlcthai.com/webboard/view_topic.php?table_id=1&cate_id=128&post_id=28412
มีทั้งหมด 4 ไฟล์
http://www.tlcthai.com/webboard/view_topic.php?table_id=1&cate_id=128&post_id=28409
http://www.tlcthai.com/webboard/view_topic.php?table_id=1&cate_id=128&post_id=28410
http://www.tlcthai.com/webboard/view_topic.php?table_id=1&cate_id=128&post_id=28411
http://www.tlcthai.com/webboard/view_topic.php?table_id=1&cate_id=128&post_id=28412
nook.9- จบมัธยม
- จำนวนข้อความ : 848
: 41
Registration date : 07/10/2008
สมุดพกนักเรียน
รหัสประจำตัว: 990927
วิชาโปรด: คณิตศาสตร์
คะแนนเกียรติยศ:
(1/100)
Re: Geek Myth :: ว่าด้วยเรื่องของ "สามเหลี่ยมเบอรฺ์มิวด้า"
แล้วพวกเรือที่หายไปนิจะไปโผล่ที่ไหนน้า
จะไปอีกโลกหนึ่งเหมือนเรือของกัปตันแจ็ค สแปร์โรว์มั้ย
จะไปอีกโลกหนึ่งเหมือนเรือของกัปตันแจ็ค สแปร์โรว์มั้ย
namfon.13- ม.5
- จำนวนข้อความ : 322
: 41
Registration date : 14/09/2008
สมุดพกนักเรียน
รหัสประจำตัว: 991316
วิชาโปรด: ภาษาฝรั่งเศส
คะแนนเกียรติยศ:
(1/100)
Re: Geek Myth :: ว่าด้วยเรื่องของ "สามเหลี่ยมเบอรฺ์มิวด้า"
ทฤษฎี
ที่มา:http://th.wikipedia.org/wiki/สามเหลี่ยมเบอร์มิวดา
มีนักวิทยาศาสตร์ นักวิชาการ นักสมุทรวิทยา และอีกหลายอาชีพ ให้ความเห็นและทฤษฎีเกี่ยวกับสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา มาดังนี้
1. ทฤษฎีที่ว่า อาจจะเป็นไปได้ที่บริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวดานั้น ตั้งอยู่ในจุดสมดุลของสนามแม่เหล็กไฟฟ้า กับพลังของสนามแห่งแรงโน้มถ่วงพอดี ซึ่งทำให้เกิดช่องว่างของอีกมิติหนึ่งในห้วงเวลาอวกาศ และเมื่อเรือหรือเครื่องบินแล่นเข้าสู่ช่องว่างแห่งนี้ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางมิติหายลับไปทันที แต่เนื่องจากว่าวิทยาการทางเทคนิคของเราในปัจจุบันนี้ยังไม่มีความรู้พอที่จะแก้ไขสถานการณ์อันนี้ได้ การหายสาบสูญของพวกเรา ก็เป็นไปในทำนอง เดินทางเดียว เท่านั้น คือเมื่อมิติถูกเปลี่ยนไปแล้ว ก็ไม่อาจจะทำให้กลับคืนสู่มิติเดิมได้ ส่วนสิ่งมีชีวิตปัญญาสูงจากนอกโลกที่มาจากจานบิน คงจะทราบและเข้าใจในกฎเกณฑ์อันนี้เป็นอย่างดีจึงได้ใช้ช่องว่างที่เกิดจากสมดุลอันนี้ เป็น ประตู ทางเข้าออกในการเปลี่ยนแปลงทางมิติเพื่อเข้าสู่โลก ด้วยเหตุจึงมีผู้พบเห็นจานบินบ่อยๆ (สามเหลี่ยมเบอร์มิวดาเป็นสถานที่ซึ่งมีผู้พบเห็นจานบินบ่อยที่สุดและมากที่สุดในโลก) และมันจะหายตัวไปแบบฉับพลัน ซึ่งตอนนั้นเองที่จานบินเปิดประตูมิติ เรือหรือเครื่องบินผ่านมาบริเวณนั้นพอดี ก็เลยแล่นเข้าสู่ประตูมิติ
2. ทฤษฎีที่ว่า บริเวณใต้สามเหลี่ยมเบอร์มิวดานั้นเป็นจุดที่ อาณาจักรแอตแลนติสจมลง ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่าชาวแอตแลนติสมีความเจริญรุ่งเรืองมาก ต้องมีพลังงานอะไรบางอย่างที่ชาวแอตแลนติสสร้างเอาไว้ ทำให้เรือและเครื่องบินบริเวณนั้นหายสาบสูญแบบไร้ร่องรอย
3. ทฤษฎีที่ว่า บริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา เป็นเหมือนสถานีที่สิ่งมีชีวิตที่ทรงปัญญากว่ามาสร้างเอาไว้ เพราะหลายต่อหลายครั้งที่มีผู้คนพบเห็นแสงไฟจากใต้น้ำบ้าง จานบินใต้น้ำบ้างและก็มีผู้พบเห็นจานบินโผล่ขึ้นมาจากน้ำ ดำดิ่งลงไปในน้ำ ความเร็ว 150 นอตต่อชั่วโมงเท่ากับเฮลิคอปเตอร์ และในปัจจุบันก็ยังไม่มีเรือดำน้ำให้ทำความเร็วได้ขนาดนั้น บริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวดาเป็นจุดที่พบเห็นจานบินบ่อยและมากที่สุดในโลก เพราะบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวดาเป็นจุดบอดของสนามแม่เหล็กจึงสามารถทำให้สามารถนำยานลงจอดซึ่งมีไม่กี่แห่งบนโลก
4. ทฤษฎีที่ว่า มีสิ่งมีชีวิตที่มีภูมิปัญญาอยู่ใต้ท้องมหาสมุทร ตามหลักของชีววิทยา สิ่งมีชีวิตจะเริ่มต้นมาจากทะเลก่อน และเนื่องมากจากท้องทะเลมีอาณาเขตมากกว่าพื้นดินถึงสองเท่า มนุษย์ใต้มหาสมุทรเหล่านี้จึงมีเนื้อที่สำหรับ การแพร่ขยายพันธุ์มากกว่าเรา และจากเหตุที่พวกนี้ได้เกิดขึ้นก่อนมนุษย์เรา ดังนั้น การพัฒนาทางเทคนิคของพวก เขาก็คงล้ำหน้าไปกว่าเรามากทีเดียว เท่าที่ผ่านมาเป็นเวลานาน มนุษย์ใต้สมุทรเหล่านี้จะไม่ติดต่อเกี่ยวข้องอันใดกับพวกเรา ถือว่าต่างคนต่างอยู่ แต่จากความก้าวหน้าทางเทคนิคของพวกเราในปัจจุบัน อาจจะทำให้เกิดอันตรายต่อสภาพแวดล้อมของพวกเขาได้ พวกนี้จึงเปลี่ยน นโยบายที่ว่าต่างคนต่างอยู่ ออกมาสังเกตความเป็นไปของชาวเรา ที่อยู่บนพื้นโลกอย่างลับๆและเงียบสงบ ซึ่งบางทีบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา อาจเป็นบริเวณที่สะดวกที่สุดที่พวกเขาจะออกมาสำรวจโลกเบื้องบน
5. ทฤษฎีที่ว่า เป็นจุดที่มีแรงดึงดูดของโลกมากที่สุด เนื่องจากแรงดึงดูดของบริเวณนี้สูงกว่าบริเวณอื่น จะทำให้เครื่องบิน หรือเรือ จมลงทะเล
6. ทฤษฎีที่ว่า เป็นบริเวณที่สนามแม่เหล็กมีความเข้มข้นสูงที่สุด ซึ่งจะทำให้เครื่องบิน หรือเรือที่ใช้เครื่องยนต์ โดนสนามแม่เหล็กทำให้เครื่องยนต์เสียหาย และจมลงในที่สุด
ที่มา:http://th.wikipedia.org/wiki/สามเหลี่ยมเบอร์มิวดา
มีนักวิทยาศาสตร์ นักวิชาการ นักสมุทรวิทยา และอีกหลายอาชีพ ให้ความเห็นและทฤษฎีเกี่ยวกับสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา มาดังนี้
1. ทฤษฎีที่ว่า อาจจะเป็นไปได้ที่บริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวดานั้น ตั้งอยู่ในจุดสมดุลของสนามแม่เหล็กไฟฟ้า กับพลังของสนามแห่งแรงโน้มถ่วงพอดี ซึ่งทำให้เกิดช่องว่างของอีกมิติหนึ่งในห้วงเวลาอวกาศ และเมื่อเรือหรือเครื่องบินแล่นเข้าสู่ช่องว่างแห่งนี้ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางมิติหายลับไปทันที แต่เนื่องจากว่าวิทยาการทางเทคนิคของเราในปัจจุบันนี้ยังไม่มีความรู้พอที่จะแก้ไขสถานการณ์อันนี้ได้ การหายสาบสูญของพวกเรา ก็เป็นไปในทำนอง เดินทางเดียว เท่านั้น คือเมื่อมิติถูกเปลี่ยนไปแล้ว ก็ไม่อาจจะทำให้กลับคืนสู่มิติเดิมได้ ส่วนสิ่งมีชีวิตปัญญาสูงจากนอกโลกที่มาจากจานบิน คงจะทราบและเข้าใจในกฎเกณฑ์อันนี้เป็นอย่างดีจึงได้ใช้ช่องว่างที่เกิดจากสมดุลอันนี้ เป็น ประตู ทางเข้าออกในการเปลี่ยนแปลงทางมิติเพื่อเข้าสู่โลก ด้วยเหตุจึงมีผู้พบเห็นจานบินบ่อยๆ (สามเหลี่ยมเบอร์มิวดาเป็นสถานที่ซึ่งมีผู้พบเห็นจานบินบ่อยที่สุดและมากที่สุดในโลก) และมันจะหายตัวไปแบบฉับพลัน ซึ่งตอนนั้นเองที่จานบินเปิดประตูมิติ เรือหรือเครื่องบินผ่านมาบริเวณนั้นพอดี ก็เลยแล่นเข้าสู่ประตูมิติ
2. ทฤษฎีที่ว่า บริเวณใต้สามเหลี่ยมเบอร์มิวดานั้นเป็นจุดที่ อาณาจักรแอตแลนติสจมลง ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่าชาวแอตแลนติสมีความเจริญรุ่งเรืองมาก ต้องมีพลังงานอะไรบางอย่างที่ชาวแอตแลนติสสร้างเอาไว้ ทำให้เรือและเครื่องบินบริเวณนั้นหายสาบสูญแบบไร้ร่องรอย
3. ทฤษฎีที่ว่า บริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา เป็นเหมือนสถานีที่สิ่งมีชีวิตที่ทรงปัญญากว่ามาสร้างเอาไว้ เพราะหลายต่อหลายครั้งที่มีผู้คนพบเห็นแสงไฟจากใต้น้ำบ้าง จานบินใต้น้ำบ้างและก็มีผู้พบเห็นจานบินโผล่ขึ้นมาจากน้ำ ดำดิ่งลงไปในน้ำ ความเร็ว 150 นอตต่อชั่วโมงเท่ากับเฮลิคอปเตอร์ และในปัจจุบันก็ยังไม่มีเรือดำน้ำให้ทำความเร็วได้ขนาดนั้น บริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวดาเป็นจุดที่พบเห็นจานบินบ่อยและมากที่สุดในโลก เพราะบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวดาเป็นจุดบอดของสนามแม่เหล็กจึงสามารถทำให้สามารถนำยานลงจอดซึ่งมีไม่กี่แห่งบนโลก
4. ทฤษฎีที่ว่า มีสิ่งมีชีวิตที่มีภูมิปัญญาอยู่ใต้ท้องมหาสมุทร ตามหลักของชีววิทยา สิ่งมีชีวิตจะเริ่มต้นมาจากทะเลก่อน และเนื่องมากจากท้องทะเลมีอาณาเขตมากกว่าพื้นดินถึงสองเท่า มนุษย์ใต้มหาสมุทรเหล่านี้จึงมีเนื้อที่สำหรับ การแพร่ขยายพันธุ์มากกว่าเรา และจากเหตุที่พวกนี้ได้เกิดขึ้นก่อนมนุษย์เรา ดังนั้น การพัฒนาทางเทคนิคของพวก เขาก็คงล้ำหน้าไปกว่าเรามากทีเดียว เท่าที่ผ่านมาเป็นเวลานาน มนุษย์ใต้สมุทรเหล่านี้จะไม่ติดต่อเกี่ยวข้องอันใดกับพวกเรา ถือว่าต่างคนต่างอยู่ แต่จากความก้าวหน้าทางเทคนิคของพวกเราในปัจจุบัน อาจจะทำให้เกิดอันตรายต่อสภาพแวดล้อมของพวกเขาได้ พวกนี้จึงเปลี่ยน นโยบายที่ว่าต่างคนต่างอยู่ ออกมาสังเกตความเป็นไปของชาวเรา ที่อยู่บนพื้นโลกอย่างลับๆและเงียบสงบ ซึ่งบางทีบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา อาจเป็นบริเวณที่สะดวกที่สุดที่พวกเขาจะออกมาสำรวจโลกเบื้องบน
5. ทฤษฎีที่ว่า เป็นจุดที่มีแรงดึงดูดของโลกมากที่สุด เนื่องจากแรงดึงดูดของบริเวณนี้สูงกว่าบริเวณอื่น จะทำให้เครื่องบิน หรือเรือ จมลงทะเล
6. ทฤษฎีที่ว่า เป็นบริเวณที่สนามแม่เหล็กมีความเข้มข้นสูงที่สุด ซึ่งจะทำให้เครื่องบิน หรือเรือที่ใช้เครื่องยนต์ โดนสนามแม่เหล็กทำให้เครื่องยนต์เสียหาย และจมลงในที่สุด
nook.9- จบมัธยม
- จำนวนข้อความ : 848
: 41
Registration date : 07/10/2008
สมุดพกนักเรียน
รหัสประจำตัว: 990927
วิชาโปรด: คณิตศาสตร์
คะแนนเกียรติยศ:
(1/100)
Re: Geek Myth :: ว่าด้วยเรื่องของ "สามเหลี่ยมเบอรฺ์มิวด้า"
น่าสนใจมาก แต่ทฤษฎีแต่ละกันยังฟังดูเหนือธรรมชาติเกินไปเนอะ หวังว่าจะมีใครค้นคว้าได้ข้อมูลใหม่ๆ มาเพิ่มเติมแทนทฤษฎีอันเดิมๆ บ้าง ขอบใจสำหรับข้อมูลนะจ๊ะ สงสัยมานานแล้วเหมือนกัน
Chompoo Freaky Pinky.6- ม.5
- จำนวนข้อความ : 300
Registration date : 17/09/2008
สมุดพกนักเรียน
รหัสประจำตัว: 990610
วิชาโปรด: ภาษาอังกฤษ
คะแนนเกียรติยศ:
(8/100)
Re: Geek Myth :: ว่าด้วยเรื่องของ "สามเหลี่ยมเบอรฺ์มิวด้า"
ทฤษฎีใหม่ ที่เกี่ยวข้อง
บริเวณใต้ทะเลของสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้านั้น อุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติมากมาย โดยเฉพาะแหล่งของแกสมีเธนไฮเดรท (Methane hydrates) ซึ่งในบางครั้งบางคราว แรงดันของแหล่งแกสเหล่านี้จะมีมากจนดันผ่านรอยแตกของเปลือกโลกขึ้นมา มันจะลอยขึ้นสู่ผิวน้ำเบื้องบน ปริมาณของมีเธนไฮเดรทไม่ใช่น้อยๆเหมือนฟองอากาศนี่ครับ อาณาบริเวณก็ไม่ใช่เล็กๆ ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยหากปรากฏการณ์นี้จะจมเรือสักสิบลำที่อยู่ในบริเวณนั้นพร้อมๆกันได้ในพริบตา
เธนไฮเดรทมันสามารถรบกวนคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าได้ ทำให้วิทยุสื่อสารตลอดจนเรดาร์หมดประสิทธิภาพในการทำงาน กลุ่มของควัน ความร้อนที่อบอวลอยู่รอบบริเวณ ก็อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ลูกเรือตกใจ นึกว่าตัวเองหลงเข้าไปในมิติสนธยา เคยมีการจำลองปรากฏการณ์นี้ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งของอเมริกามาแล้ว นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่พอใจกับคำตอบนี้ แต่มีข้อสังเกตอยู่นิดหนึ่งว่า ทะเลในบริเวณอื่นที่มีแหล่งมีเธนไฮเดรทก็มีอยู่มากมาย บางที่อุดมสมบูรณ์กว่าสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้าด้วยซ้ำ แล้วทำไมสถิติการสูญหายจึงมีน้อยมากจนแทบจะเรียกได้ว่าไม่มี เมื่อมาเปรียบเทียบกับสามเหลี่ยมแห่งนี้
น่าจะเป็นเรื่องบังเอิญมากกว่า ที่นั่นอาจมีสภาพแวดล้อมที่ผิดปกติไปจากเดิม ทำให้เกิดความผิดพลาดได้อยู่เสมอๆ เรือหรือเครื่องบินที่เข้าไปคงจะจมลงในดินแดนสามเหลี่ยม แต่ทฤษฎีนี้อาจเชื่อถือไม่ได้ไซคล๊อปส์ หายไปอย่างลึกลับเมื่อวันที่ 4 มีนาคม ค.ศ.1918 ..แต่จู่ๆ มันก็ปรากฏตัวลงเท้งแต้เข้าฝั่งมาเกยตื้น โดยมีแต่เรือเปล่าปราศจากผู้คน..ผู้โดยสารจำนวน 309 คนหายไปไหนกันหมด ข้าวของมีค่าทุกชิ้นทั้งอาหารและสินค้าบนเรือยังอยู่บริบูรณ์ จะว่าเรือถูกโจรสลัดปล้นก็ไม่ใช่แต่อะไรล่ะได้เกิดขึ้นกับผู้คน 309 ชีวิต
บริเวณใต้ทะเลของสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้านั้น อุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติมากมาย โดยเฉพาะแหล่งของแกสมีเธนไฮเดรท (Methane hydrates) ซึ่งในบางครั้งบางคราว แรงดันของแหล่งแกสเหล่านี้จะมีมากจนดันผ่านรอยแตกของเปลือกโลกขึ้นมา มันจะลอยขึ้นสู่ผิวน้ำเบื้องบน ปริมาณของมีเธนไฮเดรทไม่ใช่น้อยๆเหมือนฟองอากาศนี่ครับ อาณาบริเวณก็ไม่ใช่เล็กๆ ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยหากปรากฏการณ์นี้จะจมเรือสักสิบลำที่อยู่ในบริเวณนั้นพร้อมๆกันได้ในพริบตา
เธนไฮเดรทมันสามารถรบกวนคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าได้ ทำให้วิทยุสื่อสารตลอดจนเรดาร์หมดประสิทธิภาพในการทำงาน กลุ่มของควัน ความร้อนที่อบอวลอยู่รอบบริเวณ ก็อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ลูกเรือตกใจ นึกว่าตัวเองหลงเข้าไปในมิติสนธยา เคยมีการจำลองปรากฏการณ์นี้ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งของอเมริกามาแล้ว นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่พอใจกับคำตอบนี้ แต่มีข้อสังเกตอยู่นิดหนึ่งว่า ทะเลในบริเวณอื่นที่มีแหล่งมีเธนไฮเดรทก็มีอยู่มากมาย บางที่อุดมสมบูรณ์กว่าสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้าด้วยซ้ำ แล้วทำไมสถิติการสูญหายจึงมีน้อยมากจนแทบจะเรียกได้ว่าไม่มี เมื่อมาเปรียบเทียบกับสามเหลี่ยมแห่งนี้
น่าจะเป็นเรื่องบังเอิญมากกว่า ที่นั่นอาจมีสภาพแวดล้อมที่ผิดปกติไปจากเดิม ทำให้เกิดความผิดพลาดได้อยู่เสมอๆ เรือหรือเครื่องบินที่เข้าไปคงจะจมลงในดินแดนสามเหลี่ยม แต่ทฤษฎีนี้อาจเชื่อถือไม่ได้ไซคล๊อปส์ หายไปอย่างลึกลับเมื่อวันที่ 4 มีนาคม ค.ศ.1918 ..แต่จู่ๆ มันก็ปรากฏตัวลงเท้งแต้เข้าฝั่งมาเกยตื้น โดยมีแต่เรือเปล่าปราศจากผู้คน..ผู้โดยสารจำนวน 309 คนหายไปไหนกันหมด ข้าวของมีค่าทุกชิ้นทั้งอาหารและสินค้าบนเรือยังอยู่บริบูรณ์ จะว่าเรือถูกโจรสลัดปล้นก็ไม่ใช่แต่อะไรล่ะได้เกิดขึ้นกับผู้คน 309 ชีวิต
nook.9- จบมัธยม
- จำนวนข้อความ : 848
: 41
Registration date : 07/10/2008
สมุดพกนักเรียน
รหัสประจำตัว: 990927
วิชาโปรด: คณิตศาสตร์
คะแนนเกียรติยศ:
(1/100)
Re: Geek Myth :: ว่าด้วยเรื่องของ "สามเหลี่ยมเบอรฺ์มิวด้า"
บริเวณใต้ทะเลของสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้านั้น
อุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติมากมาย โดยเฉพาะแหล่งของแกสมีเธนไฮเดรท
(Methane hydrates) ซึ่งในบางครั้งบางคราว
แรงดันของแหล่งแกสเหล่านี้จะมีมากจนดันผ่านรอยแตกของเปลือกโลกขึ้นมา
มันจะลอยขึ้นสู่ผิวน้ำเบื้องบน
ปริมาณของมีเธนไฮเดรทไม่ใช่น้อยๆเหมือนฟองอากาศนี่ครับ
อาณาบริเวณก็ไม่ใช่เล็กๆ
ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยหากปรากฏการณ์นี้จะจมเรือสักสิบลำที่อยู่ในบริเวณนั้น
พร้อมๆกันได้ในพริบตา
หรือว่ามันจะดันเรือให้ลอยขึ้นไปที่เมืองลอยฟ้า (จำชื่อไม่ได้ ไม่ได้อ่านนานแล้ว) เหมือน วันพีช
toe.4- ม.5
- จำนวนข้อความ : 380
Registration date : 01/10/2008
สมุดพกนักเรียน
รหัสประจำตัว: 990428
วิชาโปรด: วิทยาศาสตร์
คะแนนเกียรติยศ:
(1/100)
Re: Geek Myth :: ว่าด้วยเรื่องของ "สามเหลี่ยมเบอรฺ์มิวด้า"
Toe.4 พิมพ์ว่า:หรือว่ามันจะดันเรือให้ลอยขึ้นไปที่เมืองลอยฟ้า (จำชื่อไม่ได้ ไม่ได้อ่านนานแล้ว) เหมือน วันพีช
อาจเป็นได้นะ เหมือนกับปรากฎการ พยานาคเล่นน้ำ ที่มันจะดูดน้ำขึ้นไปสูงเป็นกิโลเมตร แต่ที่นั่นคงจะแรงกว่าในไทยเยอะ บางทีมันคงยกเรือได้ ถ้าแรงพอ
nook.9- จบมัธยม
- จำนวนข้อความ : 848
: 41
Registration date : 07/10/2008
สมุดพกนักเรียน
รหัสประจำตัว: 990927
วิชาโปรด: คณิตศาสตร์
คะแนนเกียรติยศ:
(1/100)
Re: Geek Myth :: ว่าด้วยเรื่องของ "สามเหลี่ยมเบอรฺ์มิวด้า"
ขอบคุณมากจ้าาา ข้อมูลแน่นเชียว
อ่านเจอในการ์ตูนเรื่องนึงชื่อ Blue World ..ในเรื่อง มีคล้ายประตูมิติที่เกิดโดยธรรมชาติด้วย
เค้าจินตนาการมันว่าชื่อ บลูโฮลล์ ..ไม่ใช่หลุมดำ แต่เป็นหลุมสีฟ้า
ประมาณว่าบลูโฮลล์นี้จะกระจายอยู่เป็นจุดๆ 4-5 แห่งทั่วโลก ใต้ทะเลลึกมั่งล่ะ ปล่องภูเขาไฟเ่ก่ามั่งล่ะ
แต่พอเข้าไปแล้วจะทำให้ไปอีกมิติหนึ่ง อาจจะเป็นโลกในอดีต โลกอีกมิตินึงเลย ฯลฯ
แบบนี้พอมีทางเกิดขึ้นได้ไหม ^ ^"
อ่านเจอในการ์ตูนเรื่องนึงชื่อ Blue World ..ในเรื่อง มีคล้ายประตูมิติที่เกิดโดยธรรมชาติด้วย
เค้าจินตนาการมันว่าชื่อ บลูโฮลล์ ..ไม่ใช่หลุมดำ แต่เป็นหลุมสีฟ้า
ประมาณว่าบลูโฮลล์นี้จะกระจายอยู่เป็นจุดๆ 4-5 แห่งทั่วโลก ใต้ทะเลลึกมั่งล่ะ ปล่องภูเขาไฟเ่ก่ามั่งล่ะ
แต่พอเข้าไปแล้วจะทำให้ไปอีกมิติหนึ่ง อาจจะเป็นโลกในอดีต โลกอีกมิตินึงเลย ฯลฯ
แบบนี้พอมีทางเกิดขึ้นได้ไหม ^ ^"
ไซนิล.7- ม.5
- จำนวนข้อความ : 391
Registration date : 14/09/2008
สมุดพกนักเรียน
รหัสประจำตัว: 990724
วิชาโปรด: ดนตรี
คะแนนเกียรติยศ:
(6/100)
Re: Geek Myth :: ว่าด้วยเรื่องของ "สามเหลี่ยมเบอรฺ์มิวด้า"
ข้อมูลแน่นจริงๆ ครับ ว่าแต่มีใครเอาทฤษฏี parallel universes มาประยุกต์กับเรื่องนี้บ้างป่าว เนี่ย
อาจจะเป็นจุดที่มี เอกภพ อยู่ไกล้กันมากหรือเป็นจุดที่มีการกระทบกันในบางเวลา หรือจุดที่มีการรั่วไหลของ แรงโน้มถ่วงผิดปกติ (ทั้งหมดเดาเอาครับ )
อาจจะเป็นจุดที่มี เอกภพ อยู่ไกล้กันมากหรือเป็นจุดที่มีการกระทบกันในบางเวลา หรือจุดที่มีการรั่วไหลของ แรงโน้มถ่วงผิดปกติ (ทั้งหมดเดาเอาครับ )
Sucha.3- ม.5
- จำนวนข้อความ : 356
: 41
Registration date : 13/09/2008
สมุดพกนักเรียน
รหัสประจำตัว: 990338
วิชาโปรด: คณิตศาสตร์
คะแนนเกียรติยศ:
(1/100)
Re: Geek Myth :: ว่าด้วยเรื่องของ "สามเหลี่ยมเบอรฺ์มิวด้า"
Sucha.3 พิมพ์ว่า:ข้อมูลแน่นจริงๆ ครับ ว่าแต่มีใครเอาทฤษฏี parallel universes มาประยุกต์กับเรื่องนี้บ้างป่าว เนี่ย
อาจจะเป็นจุดที่มี เอกภพ อยู่ไกล้กันมากหรือเป็นจุดที่มีการกระทบกันในบางเวลา หรือจุดที่มีการรั่วไหลของ แรงโน้มถ่วงผิดปกติ (ทั้งหมดเดาเอาครับ )
มีทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับ "กาลอวกาศ" อยู่นะครับ ส่วนเรื่องเวลาที่บิดเบือน คงจะแยกหัวข้อการสนทนาเป็นเรื่องเกี่ยวกับ อวกาศอีกที ทฤษฎีด้านล่างนี้ มันเกี่ยวข้องกับหลายเรื่องครับ เช่น การไหลของกระแสนน้ำอุ่นและกระแสน้ำเย็นมาชนกัน รวมทั้งสนามแม่เหล็กที่ทำให้เวลาบิดเบี้ยว
ภาพทะเลซีโก้ ซึ่งอยู่ในบริเวณเดียวกับ สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า ระหว่าง 20o to 35o North Latitude and 30o to 70o West Longitude ในช่วงนี้ เป็นช่วงมหาสมุทรที่มีความแตกต่างกันมาก กระแสน้ำตรงนี้สงบนิ่ง ล้อมรอบไปด้วย กระแสน้ำที่แรงที่สุดในโลก
บิดเบือนไปการบิดเบือนของห้วงเวลาอวกาศ จากบทความของ ดร.อีวาน แซนเดอร์สัน เรื่อง จุดอันตราย 12 แห่งในโลก ได้เล่าว่า เขาได้ลองวาดแผนที่ของจุดต่าง ๆ ที่เครื่องบินตกหรือหายไปทั่วโลก พบว่าส่วนใหญ่ของอุบัติเหตุจะเกิดขึ้นในบริเวณ 6 แห่ง ซึ่งแต่ละแห่งจะมีบริเวณเป็นรูปสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัด ตั้งอยู่ระหว่างเส้นแวง 30 องศาเหนือ กับ 40 องศาใต้ของเส้นศูนย์สูตร ผลจากการทดลองพบว่า สามเหลี่ยมเบอร์มิวดาเป็นแหล่งที่เกิดเหตุการณ์ผิดปกติบ่อยที่สุด ทั้งยังเป็นแหล่งที่มีการสัญจรทางทะเลและทางอากาศอย่างมาก และยังพบว่ามีเหตุการณ์ผันผวนของสนามแม่เหล็กและแรงดึงดูดของโลกมากกว่าบริเวณอื่น จุดอันตรายที่ตรวจพบต่างอยู่ในบริเวณที่กระแสน้ำอุ่นที่ไหลสู่ทางตอนเหนือของโลก ปะทะกับกระแสน้ำเย็นที่ไหลลงสู่ทางใต้ การปะทะของกระแสน้ำทั้งสองทำให้เกิดการอัดแน่นของกระแสน้ำอันเป็นผลทำให้กระแสเหนือพื้นน้ำไหลกลับไปทางหนึ่ง ส่วนกระแสน้ำใต้มหาสมุทรกลับไหลไปอีกทางหนึ่งในทิศทางตรงกันข้าม และเมื่อกระแสใต้พื้นน้ำที่ไหลเชี่ยวกระทบกับอุณหภูมิที่แตกต่างกันอย่างมากมาย ทำให้เกิดพลังหมุนวนของสนามแม่เหล็กขึ้น อันเป็นผลให้ระบบสื่อสารทางวิทยุ การทำงานของเข็มทิศ และแม้แต่แรงดึงดูดของโลกในบริเวณแห่งนั้นต้องผิดปกติไปโดยฉับพลัน ซึ่งจะทำให้เรือหรือเครื่องบินในบริเวณนั้นบินออกจากจุดของความแตกต่างของห้วงเวลาอวกาศ เป็นผลให้เรือหรือเครื่องบินหายไปโดยไร้ร่องรอย
ขอกล่าวถึงความหมายของคำว่า การบิดเบือนของห้วงเวลาอวกาศ (Time Space Warps) สักเล็กน้อย ตามกฏแห่งทฤษฎีสัมพันธภาพของอัลเบอร์ต ไอน์สไตน์ ระบุไว้ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างในเอกภพ ต่างมีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน ไม่ว่า สสาร พลังงาน อวกาศ หรือกาลเวลา และในทางคำนวน สามารถที่จะพิสูจน์ได้ว่า อย่างน้อย อวกาศ มี 3 มิติ แต่เนื่องจาก เวลา เป็นมิติที่ 4 ตามทฤษฎีของไอน์สไตน์ ดังนั้น ห้วงเวลาอวกาศ และทุกสิ่งทุกอย่างในเอกภพจึงต้องมีอย่างน้อยที่สุด 4มิติ และมิติที่ 4 คือ กาลเวลา ดังนั้นการบิดเบือนของห้วงเวลาอวกาศก็คือ การเปลี่ยนแปลงเวลาให้แตกต่างไปจากเดิมที่เป็นอยู่ในขณะนั้น และวัตถุใดที่ถูกกระทำเช่นนี้จะอันตรธานหายไปสู่ช่วงเวลาที่กำหนด และจะคืนสู่รูปเดิมเมื่อครบกำหนดเวลานั้น
จากที่เคยอ่านมา นักวิทยาศาสตร์ ก็สรุปไปต่างๆนานา ถ้าคนที่เชื่อทางวิทยาศาสตร์ปัจจุบัน ก็จะเชื่อเรื่องปรากฏการณ์ธรรมชาติ ส่วนคนที่ชอบเรื่องลึกลับก็จะโยงไปถึงในเรื่องของ UFO หรือบางคนชอบของแปลกก็จะหาว่าสัตว์ยักทำให้เรือจม เป็นต้น ข้อนี้ทำให้ยังไม่มีข้อสรุปที่ทำให้ทุกคนเชื่อถือ หรือเป็นบทสรุปได้
nook.9- จบมัธยม
- จำนวนข้อความ : 848
: 41
Registration date : 07/10/2008
สมุดพกนักเรียน
รหัสประจำตัว: 990927
วิชาโปรด: คณิตศาสตร์
คะแนนเกียรติยศ:
(1/100)
Re: Geek Myth :: ว่าด้วยเรื่องของ "สามเหลี่ยมเบอรฺ์มิวด้า"
ดช.ไซนิล.7 พิมพ์ว่า:ขอบคุณมากจ้าาา ข้อมูลแน่นเชียว
อ่านเจอในการ์ตูนเรื่องนึงชื่อ Blue World ..ในเรื่อง มีคล้ายประตูมิติที่เกิดโดยธรรมชาติด้วย
เค้าจินตนาการมันว่าชื่อ บลูโฮลล์ ..ไม่ใช่หลุมดำ แต่เป็นหลุมสีฟ้า
ประมาณว่าบลูโฮลล์นี้จะกระจายอยู่เป็นจุดๆ 4-5 แห่งทั่วโลก ใต้ทะเลลึกมั่งล่ะ ปล่องภูเขาไฟเ่ก่ามั่งล่ะ
แต่พอเข้าไปแล้วจะทำให้ไปอีกมิติหนึ่ง อาจจะเป็นโลกในอดีต โลกอีกมิตินึงเลย ฯลฯ
แบบนี้พอมีทางเกิดขึ้นได้ไหม ^ ^"
เรื่องบลูโฮลล์หรอ เราไม่ค่อยได้ยินอ่า เป็นพวกประมาณนี้ป่ะ แต่ไม่ค่อยเคยได้ยิน ว่ามันเกี่ยวกับอุบัติเหตุที่เบอร์มิวด้าอะ
เพราะ เบอร์มิวด้ามันแปลกตรงที่สัญญาณวิทยุชอบหาย หรือเครื่องบินหายจากเรด้า ไรพวกเนี่ย เค้าเลยไม่ค่อยสนใจ
หลุมที่มันไม่มีส่วนกับเรื่องข้างต้นอะ
เห็นเค้าบอกว่ามีคนตายเพราะหลุมพวกนี้เยอะเหมือนกันนะ
nook.9- จบมัธยม
- จำนวนข้อความ : 848
: 41
Registration date : 07/10/2008
สมุดพกนักเรียน
รหัสประจำตัว: 990927
วิชาโปรด: คณิตศาสตร์
คะแนนเกียรติยศ:
(1/100)
Re: Geek Myth :: ว่าด้วยเรื่องของ "สามเหลี่ยมเบอรฺ์มิวด้า"
พอพูดถึงเรื่องหลุมแล้ว ไปเจอมาอะ เป็นหลุม 7 แหล่งสุดยอดของโลก ดูกันเล่นๆอะเนอะ หุๆ
1. mirny diamond mine, serbia siberia
เมื่อมองดูจากมุมบนนี้ คุณจะสามารถเห็นได้ว่า หลุมนั้นมันมีขนาดใหญ่แค่ไหน เมื่อเทียบกับ มนุษย์จิ๋วอย่างเราๆ
นี้เป็นเหมืองเพชร ที่ใหญ่ที่สุดในโลกครับ ตั้งอยู่ที่ประเทศ ไซบีเรีย ซึ่งหลุมนี้มีความลึกถึง 525 เมตรเชียว
ส่วนขนาดของปากหลุมนั้น วัดได้ถึง 1200 เมตรหรือประมาณ 1 กิโลเมตรนั่นเอง
และเหนือปากหลุมนี้ ทางไซบีเรียได้จัดเป็นเขตห้ามบินไปแล้ว เนื่องจากเคยมี เฮลิคอปเตอร์ได้ถูกดูดตกลงไปในหลุมนี้มาแล้ว
ในภาพนี้เพื่อนๆจะสังเกตุเห็น ลูกศรสีแดงทางด้านขวาของภาพ
นั่นคือ รถบรรทุกของเหมืองนั่นเอง(คิดดูนะครับรถเหมืองคันแค่ไหน)
นี่เป็นอีกภาพจากมุมสูง (ต้องถ่ายไกลครับ ไปบินเหนือหลุมไม่ได้มันเป็นเขตห้ามบินไปแล้ว)
2. kimberley big hole - south africa(โคตรหลุมคิมเบอร์รี่ แห่งแอฟริกาใต้)
และนี่ก็เป็นเหมืองเพชรอีกเช่นกัน ซึ่งหลุมนี้มีความพิเศษตรงที่ว่า เขาขุดกันด้วยมือเปล่าครับ (พระเจ้าขุดไปได้)
และหลุมนี้มีความลึกถึง 1097 เมตร (1 กิโลเมตรนั่นเอง) และสามารถขุดเพชรได้ถึง 3 ตันก่อนที่เหมืองแห่งนี้
จะได้ทำการปิดลง เมื่อปี่ ค.ศ.1914 นั่นเอง และดินที่ขุดออกมาจากเหมืองนี้หนักถึง 22.5 ล้านตัน
อีกมุมหนึ่งดูกันซะใกล้ๆ เผื่อใครจะไปเที่ยว จะได้หาที่ยืนชมวิวถูก
3. glory hole - monticello dam (หลุมแห่งชัยชนะ ที่มอนติคาโล) ชนะอะไรมาก็ไม่รู้ 555
ในส่วนหลุมนี้วิศวะกรได้สร้างขึ้น เพื่อระบายน้ำออกจากเขื่อน เวลาที่เขื่อนมีปริมาณน้ำสูง
หลุมนี้เป็นของเขื่อน ในมอนติคาโล แคลิฟอเนียร์ และมันใหญ่ที่สุดในบรรดาหลุมเขื่อน -*- (มันมีที่นี่ที่เดียวล่ะม้าง)
และขนาดของมันสามารถ ระบายน้ำได้ถึง 14,400 คิวบิคฟิต/วินาที (โอ้วแม่เจ้ามันไหลเร็ว ป้าด)
ดูกันอีกมุมแบบชัดๆ เผื่อใครจะไปโดด น้ำเล่น อิอิ
ภาพนี้เพื่อนๆจะเห็นหลุมมันยกสูงขึ้น ทางซ้ายของภาพ มันจะยกขึ้นเวลาไม่ระบายน้ำนั่นเอง
4. bingham canyon mine, utah(เหมืองบิงแฮม ในรัฐยูทาห์)
หลุมนี้ได้ถือว่าเป็นหลุมที่มนุษย์สร้างขึ้นที่ใหญ่ที่สุดในโลก หลุมนี้ได้เริ่มขุดเมื่อปี ค.ศ.1863 และปัจจุบันนี้ยังคงขุดต่อไป
หลุมนี้ลึกถึง 1,500 เมตร และมีขนาดของปากหลุมถึง 4 กิโลเมตร (มันจะเจาะให้ถึงแกนโลกเลยมั้งนั่น)
ดูกันชัดๆอีกมุม ใครนับรถเหมืองได้มั่งล่ะนั่น เล็กป้าด
5. great blue hole, belize (โคตรหลุมน้ำเงินคราม แห่งเบไลซ์)
หลุมนี้อยู่ห่างจากแผ่นดินถึง 60 ไมล์หลุมแบบนี้นั้น มีอยู่ทั่วโลก แต่ไม่มีอันไหน สุดยอดเท่าอันนี้แล้ว(เขาว่านะ)
ที่บริเวณผิวหน้าของหลุมนั้น เป็นรูปวงกลมที่มีความสมบูรณ์มาก ความกว้างของปากหลุมนั้นมีขนาด 1.5 กิโลเมตร
และลึก 145 เมตร และหลุมนี้เป็นที่นิยมของ นักดำน้ำเป็นอย่างมาก (สงสัยดำแล้วเหมือนว่ายในสระหลังบ้าน)
6. diavik mine, canada (เหมืองเดียวิค ในแคนนาดา)
หลุมนี้ตั้งอยู่ 300 กิโลเมตรไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ ของแคนนาดา หลุมนี้มีขนาดใหญ่มาก และนอกจากนั้น
ยังมี สนามบินส่วนตัวไว้สำหรับ วิศวะกร ที่จะบินมาที่เหมืองได้ด้วย (มันอยู่ไกลไงเลยต้องบินมา)สนามบินนั้น สามารถนำ โบอิ้ง 737(ไม่ผิดหรอกครับ 737 จริงๆ ไม่ใช่ 747) มาลงจอดได้สบายๆ (ใหญ่เกิ้น)
เมื่อน้ำเป็นน้ำแข็ง มันก็ดูสวยไปอีกแบบนะครับผมว่า
7. sinkhole, guatemala (หลุมธรณีสูบ ในกัวเตมาลา)
หลุมนี้เกิดจากน้ำใต้ดิน ได้ถูกดูดจากชั้นใต้ผิวโลกอย่างรวดเร็ว จนเกิดการถล่มขึ้น(อันนี้มะด้ายตั้งจาย)
จากเหตุการณ์นี้ ผู้คนต่างยืนดูด้วยความสิ้นหวัง (ทำไรไม่ได้) บ้านได้ถูกกลืนไปในหลุมนี้ 12 หลัง
และมีผู้เสียชีวิตจาก เหตุการณ์นี้ถึง 3 คนด้วยกัน (มันเกิดขึ้นเร็วมากนะจอร์จ)
หลุมมันใหญ่มากเลยนะครับเพื่อนๆถ้าเป็นบ้านเรานอนอยู่ดีๆ จ๊วบ..... หายไปเลยไม่อยากนึกภาพ
แถมอีกมุมนึง
โอ้ว แต่ละหลุมมันยอดมากเลยอะ ทำไปได้
1. mirny diamond mine, serbia siberia
เมื่อมองดูจากมุมบนนี้ คุณจะสามารถเห็นได้ว่า หลุมนั้นมันมีขนาดใหญ่แค่ไหน เมื่อเทียบกับ มนุษย์จิ๋วอย่างเราๆ
นี้เป็นเหมืองเพชร ที่ใหญ่ที่สุดในโลกครับ ตั้งอยู่ที่ประเทศ ไซบีเรีย ซึ่งหลุมนี้มีความลึกถึง 525 เมตรเชียว
ส่วนขนาดของปากหลุมนั้น วัดได้ถึง 1200 เมตรหรือประมาณ 1 กิโลเมตรนั่นเอง
และเหนือปากหลุมนี้ ทางไซบีเรียได้จัดเป็นเขตห้ามบินไปแล้ว เนื่องจากเคยมี เฮลิคอปเตอร์ได้ถูกดูดตกลงไปในหลุมนี้มาแล้ว
ในภาพนี้เพื่อนๆจะสังเกตุเห็น ลูกศรสีแดงทางด้านขวาของภาพ
นั่นคือ รถบรรทุกของเหมืองนั่นเอง(คิดดูนะครับรถเหมืองคันแค่ไหน)
นี่เป็นอีกภาพจากมุมสูง (ต้องถ่ายไกลครับ ไปบินเหนือหลุมไม่ได้มันเป็นเขตห้ามบินไปแล้ว)
2. kimberley big hole - south africa(โคตรหลุมคิมเบอร์รี่ แห่งแอฟริกาใต้)
และนี่ก็เป็นเหมืองเพชรอีกเช่นกัน ซึ่งหลุมนี้มีความพิเศษตรงที่ว่า เขาขุดกันด้วยมือเปล่าครับ (พระเจ้าขุดไปได้)
และหลุมนี้มีความลึกถึง 1097 เมตร (1 กิโลเมตรนั่นเอง) และสามารถขุดเพชรได้ถึง 3 ตันก่อนที่เหมืองแห่งนี้
จะได้ทำการปิดลง เมื่อปี่ ค.ศ.1914 นั่นเอง และดินที่ขุดออกมาจากเหมืองนี้หนักถึง 22.5 ล้านตัน
อีกมุมหนึ่งดูกันซะใกล้ๆ เผื่อใครจะไปเที่ยว จะได้หาที่ยืนชมวิวถูก
3. glory hole - monticello dam (หลุมแห่งชัยชนะ ที่มอนติคาโล) ชนะอะไรมาก็ไม่รู้ 555
ในส่วนหลุมนี้วิศวะกรได้สร้างขึ้น เพื่อระบายน้ำออกจากเขื่อน เวลาที่เขื่อนมีปริมาณน้ำสูง
หลุมนี้เป็นของเขื่อน ในมอนติคาโล แคลิฟอเนียร์ และมันใหญ่ที่สุดในบรรดาหลุมเขื่อน -*- (มันมีที่นี่ที่เดียวล่ะม้าง)
และขนาดของมันสามารถ ระบายน้ำได้ถึง 14,400 คิวบิคฟิต/วินาที (โอ้วแม่เจ้ามันไหลเร็ว ป้าด)
ดูกันอีกมุมแบบชัดๆ เผื่อใครจะไปโดด น้ำเล่น อิอิ
ภาพนี้เพื่อนๆจะเห็นหลุมมันยกสูงขึ้น ทางซ้ายของภาพ มันจะยกขึ้นเวลาไม่ระบายน้ำนั่นเอง
4. bingham canyon mine, utah(เหมืองบิงแฮม ในรัฐยูทาห์)
หลุมนี้ได้ถือว่าเป็นหลุมที่มนุษย์สร้างขึ้นที่ใหญ่ที่สุดในโลก หลุมนี้ได้เริ่มขุดเมื่อปี ค.ศ.1863 และปัจจุบันนี้ยังคงขุดต่อไป
หลุมนี้ลึกถึง 1,500 เมตร และมีขนาดของปากหลุมถึง 4 กิโลเมตร (มันจะเจาะให้ถึงแกนโลกเลยมั้งนั่น)
ดูกันชัดๆอีกมุม ใครนับรถเหมืองได้มั่งล่ะนั่น เล็กป้าด
5. great blue hole, belize (โคตรหลุมน้ำเงินคราม แห่งเบไลซ์)
หลุมนี้อยู่ห่างจากแผ่นดินถึง 60 ไมล์หลุมแบบนี้นั้น มีอยู่ทั่วโลก แต่ไม่มีอันไหน สุดยอดเท่าอันนี้แล้ว(เขาว่านะ)
ที่บริเวณผิวหน้าของหลุมนั้น เป็นรูปวงกลมที่มีความสมบูรณ์มาก ความกว้างของปากหลุมนั้นมีขนาด 1.5 กิโลเมตร
และลึก 145 เมตร และหลุมนี้เป็นที่นิยมของ นักดำน้ำเป็นอย่างมาก (สงสัยดำแล้วเหมือนว่ายในสระหลังบ้าน)
6. diavik mine, canada (เหมืองเดียวิค ในแคนนาดา)
หลุมนี้ตั้งอยู่ 300 กิโลเมตรไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ ของแคนนาดา หลุมนี้มีขนาดใหญ่มาก และนอกจากนั้น
ยังมี สนามบินส่วนตัวไว้สำหรับ วิศวะกร ที่จะบินมาที่เหมืองได้ด้วย (มันอยู่ไกลไงเลยต้องบินมา)สนามบินนั้น สามารถนำ โบอิ้ง 737(ไม่ผิดหรอกครับ 737 จริงๆ ไม่ใช่ 747) มาลงจอดได้สบายๆ (ใหญ่เกิ้น)
เมื่อน้ำเป็นน้ำแข็ง มันก็ดูสวยไปอีกแบบนะครับผมว่า
7. sinkhole, guatemala (หลุมธรณีสูบ ในกัวเตมาลา)
หลุมนี้เกิดจากน้ำใต้ดิน ได้ถูกดูดจากชั้นใต้ผิวโลกอย่างรวดเร็ว จนเกิดการถล่มขึ้น(อันนี้มะด้ายตั้งจาย)
จากเหตุการณ์นี้ ผู้คนต่างยืนดูด้วยความสิ้นหวัง (ทำไรไม่ได้) บ้านได้ถูกกลืนไปในหลุมนี้ 12 หลัง
และมีผู้เสียชีวิตจาก เหตุการณ์นี้ถึง 3 คนด้วยกัน (มันเกิดขึ้นเร็วมากนะจอร์จ)
หลุมมันใหญ่มากเลยนะครับเพื่อนๆถ้าเป็นบ้านเรานอนอยู่ดีๆ จ๊วบ..... หายไปเลยไม่อยากนึกภาพ
แถมอีกมุมนึง
โอ้ว แต่ละหลุมมันยอดมากเลยอะ ทำไปได้
nook.9- จบมัธยม
- จำนวนข้อความ : 848
: 41
Registration date : 07/10/2008
สมุดพกนักเรียน
รหัสประจำตัว: 990927
วิชาโปรด: คณิตศาสตร์
คะแนนเกียรติยศ:
(1/100)
Re: Geek Myth :: ว่าด้วยเรื่องของ "สามเหลี่ยมเบอรฺ์มิวด้า"
glory hole - monticello dam น่ารักดี
Sucha.3- ม.5
- จำนวนข้อความ : 356
: 41
Registration date : 13/09/2008
สมุดพกนักเรียน
รหัสประจำตัว: 990338
วิชาโปรด: คณิตศาสตร์
คะแนนเกียรติยศ:
(1/100)
Re: Geek Myth :: ว่าด้วยเรื่องของ "สามเหลี่ยมเบอรฺ์มิวด้า"
โอวว
อ่านแล้วเริ่มมึน
แต่ได้รู้อะไรอีกเยอะเลย
อ่านแล้วเริ่มมึน
แต่ได้รู้อะไรอีกเยอะเลย
ALT+F4- มหา'ลัย ปี4
- จำนวนข้อความ : 2112
Registration date : 18/09/2008
สมุดพกนักเรียน
รหัสประจำตัว: 990723
วิชาโปรด: คอมพิวเตอร์
คะแนนเกียรติยศ:
(1/100)
Re: Geek Myth :: ว่าด้วยเรื่องของ "สามเหลี่ยมเบอรฺ์มิวด้า"
ทึ่ง อึ้ง เสียว
ว่าแต่ธรณีสูบนี่ น้ำถูกดูดซับได้เร็วปานนี้เชียวบ้อ
ดูจากชั้นใต้ดินชั้นที่ 2 มันก็ดูเป็นดินแข็งแน่นหนาอยู่เด่ะล่ะ
กว่าจะดูดน้ำจนพื้นดินจมหายไปได้ คงต้องใช้แรงดูดที่มากพอดู
แล้วแรงดูดนั้นมาจากไหนอ่ะ
ว่าแต่ธรณีสูบนี่ น้ำถูกดูดซับได้เร็วปานนี้เชียวบ้อ
ดูจากชั้นใต้ดินชั้นที่ 2 มันก็ดูเป็นดินแข็งแน่นหนาอยู่เด่ะล่ะ
กว่าจะดูดน้ำจนพื้นดินจมหายไปได้ คงต้องใช้แรงดูดที่มากพอดู
แล้วแรงดูดนั้นมาจากไหนอ่ะ
น้องฝน.2- คนจากยากูซ่าตระกูล คุโรดะมาหา
- จำนวนข้อความ : 8076
: 40
Registration date : 15/09/2008
สมุดพกนักเรียน
รหัสประจำตัว: 990211
วิชาโปรด: วิทยาศาสตร์
คะแนนเกียรติยศ:
(1/100)
Re: Geek Myth :: ว่าด้วยเรื่องของ "สามเหลี่ยมเบอรฺ์มิวด้า"
chemist-fon.2 พิมพ์ว่า:ทึ่ง อึ้ง เสียว
ว่าแต่ธรณีสูบนี่ น้ำถูกดูดซับได้เร็วปานนี้เชียวบ้อ
ดูจากชั้นใต้ดินชั้นที่ 2 มันก็ดูเป็นดินแข็งแน่นหนาอยู่เด่ะล่ะ
กว่าจะดูดน้ำจนพื้นดินจมหายไปได้ คงต้องใช้แรงดูดที่มากพอดู
แล้วแรงดูดนั้นมาจากไหนอ่ะ
หรือว่าใช้น้ำบาดาลหมายชั่วอายุคน??? กทม จะเป็นบ้างป่าวหว่า
Sucha.3- ม.5
- จำนวนข้อความ : 356
: 41
Registration date : 13/09/2008
สมุดพกนักเรียน
รหัสประจำตัว: 990338
วิชาโปรด: คณิตศาสตร์
คะแนนเกียรติยศ:
(1/100)
Re: Geek Myth :: ว่าด้วยเรื่องของ "สามเหลี่ยมเบอรฺ์มิวด้า"
แล้วแรงดูดนั้นมาจากไหนอ่ะ
gravity...
สมมติตึก 30 ชั้นมีแค่เสา 4 มุม กับพื้นของชั้นดาดฟ้า ซึ่งมีบ้านอยู่ 1 หลัง
once ที่ดาดฟ้ามันร้าวแล้วรับน้ำหนักบ้านไม่ไหว มันจะร่วงเร็วมะ?
หรือคิดว่าตึก 30 ชั้นนี้มีกำแพงทุกด้านภายในบรรจุน้ำอยู่
once ที่น้ำไหลออกทางด้านล่างของตึกอย่างรวดเร็ว (ขณะที่ดาดฟ้าหรือพื้นบ้านร้าว)
จะเกิดแรงดูดหรือแรงดันอากาศได้นะ...? (นึกถึงหลอดดูดที่มีน้ำอยู่ในหลอดแล้วเราเอานิ้วปิดปลายหลอดด้านบนไว้)
หรือคิดว่าไงกัน?
toe.4- ม.5
- จำนวนข้อความ : 380
Registration date : 01/10/2008
สมุดพกนักเรียน
รหัสประจำตัว: 990428
วิชาโปรด: วิทยาศาสตร์
คะแนนเกียรติยศ:
(1/100)
Re: Geek Myth :: ว่าด้วยเรื่องของ "สามเหลี่ยมเบอรฺ์มิวด้า"
อ่านแล้วตื่นเต้นดี เปิดหูเปิดตา ^^
คิดภาพคนทำงานในเหมืองพวกนั้นเนาะ ถูกเขาฆ่าหมกหลุมนั่นก็คงไม่มีใครรู้ ฮือๆ
คิดภาพคนทำงานในเหมืองพวกนั้นเนาะ ถูกเขาฆ่าหมกหลุมนั่นก็คงไม่มีใครรู้ ฮือๆ
ไซนิล.7- ม.5
- จำนวนข้อความ : 391
Registration date : 14/09/2008
สมุดพกนักเรียน
รหัสประจำตัว: 990724
วิชาโปรด: ดนตรี
คะแนนเกียรติยศ:
(6/100)
Re: Geek Myth :: ว่าด้วยเรื่องของ "สามเหลี่ยมเบอรฺ์มิวด้า"
Toe.4 พิมพ์ว่า:แล้วแรงดูดนั้นมาจากไหนอ่ะ
gravity...
สมมติตึก 30 ชั้นมีแค่เสา 4 มุม กับพื้นของชั้นดาดฟ้า ซึ่งมีบ้านอยู่ 1 หลัง
once ที่ดาดฟ้ามันร้าวแล้วรับน้ำหนักบ้านไม่ไหว มันจะร่วงเร็วมะ?
หรือคิดว่าตึก 30 ชั้นนี้มีกำแพงทุกด้านภายในบรรจุน้ำอยู่
once ที่น้ำไหลออกทางด้านล่างของตึกอย่างรวดเร็ว (ขณะที่ดาดฟ้าหรือพื้นบ้านร้าว)
จะเกิดแรงดูดหรือแรงดันอากาศได้นะ...? (นึกถึงหลอดดูดที่มีน้ำอยู่ในหลอดแล้วเราเอานิ้วปิดปลายหลอดด้านบนไว้)
หรือคิดว่าไงกัน?
แก้ไขล่าสุดโดย nook.9 เมื่อ Sun Oct 19, 2008 10:00 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง
nook.9- จบมัธยม
- จำนวนข้อความ : 848
: 41
Registration date : 07/10/2008
สมุดพกนักเรียน
รหัสประจำตัว: 990927
วิชาโปรด: คณิตศาสตร์
คะแนนเกียรติยศ:
(1/100)
Re: Geek Myth :: ว่าด้วยเรื่องของ "สามเหลี่ยมเบอรฺ์มิวด้า"
nook พิมพ์ว่าไรอ่ะ
รึว่าเค้ามองไม่เห็นข้อความอยู่คนเดียวป่าวนี่
รึว่าเค้ามองไม่เห็นข้อความอยู่คนเดียวป่าวนี่
น้องฝน.2- คนจากยากูซ่าตระกูล คุโรดะมาหา
- จำนวนข้อความ : 8076
: 40
Registration date : 15/09/2008
สมุดพกนักเรียน
รหัสประจำตัว: 990211
วิชาโปรด: วิทยาศาสตร์
คะแนนเกียรติยศ:
(1/100)
Re: Geek Myth :: ว่าด้วยเรื่องของ "สามเหลี่ยมเบอรฺ์มิวด้า"
nook.9 พิมพ์ว่า:Toe.4 พิมพ์ว่า:แล้วแรงดูดนั้นมาจากไหนอ่ะ
gravity...
สมมติตึก 30 ชั้นมีแค่เสา 4 มุม กับพื้นของชั้นดาดฟ้า ซึ่งมีบ้านอยู่ 1 หลัง
once ที่ดาดฟ้ามันร้าวแล้วรับน้ำหนักบ้านไม่ไหว มันจะร่วงเร็วมะ?
หรือคิดว่าตึก 30 ชั้นนี้มีกำแพงทุกด้านภายในบรรจุน้ำอยู่
once ที่น้ำไหลออกทางด้านล่างของตึกอย่างรวดเร็ว (ขณะที่ดาดฟ้าหรือพื้นบ้านร้าว)
จะเกิดแรงดูดหรือแรงดันอากาศได้นะ...? (นึกถึงหลอดดูดที่มีน้ำอยู่ในหลอดแล้วเราเอานิ้วปิดปลายหลอดด้านบนไว้)
หรือคิดว่าไงกัน?
เราคิดเหมือนกันน่ะ ว่ามันเคยมีน้ำอยู่ใต้พื้นดิน พอน้ำโดนดูดไปมากๆ แล้ว ก็ต้องหาไรมาแทนที่น้ำที่หายไป ทำให้เกิดแรงดูด ดินเลยยุบไป
ในกทม เค้าประมาณการณ์ไว้เหมือนกัน ว่าถ้าดูดน้ำไปเยอะๆ คงไปลักษณะเดียวกัน แต่ไม่น่าจะขนาดหลุมนี้หรอก
nook.9- จบมัธยม
- จำนวนข้อความ : 848
: 41
Registration date : 07/10/2008
สมุดพกนักเรียน
รหัสประจำตัว: 990927
วิชาโปรด: คณิตศาสตร์
คะแนนเกียรติยศ:
(1/100)
Re: Geek Myth :: ว่าด้วยเรื่องของ "สามเหลี่ยมเบอรฺ์มิวด้า"
ถ้าถามว่า แรงดึงดูด มาจากไหน จะตอบว่า
มันรั่วมาจากอีกเอกภาพหนึ่ง ตามการคำนวนแบบ parallel universes
แต่ในกรณีนี้มันเกิดจากความความดันที่ต่างกันเนื่องจากน้ำที่เคยอยู่หายไปหมดจะทำให้เกิดโพลงซึ่งภายในเป็นศูนย์ญากาศ ซึ่งทำให้เกิดความดัน เพื่อปรับความดันให้เท่ากันระหว่างจุดที่ความดันต่ำ (บริเวณที่น้ำถูกสูบออก) กับความดันสูง (พื้นโลก) คงเป็นเพราะพื้นเกิดแรงดันมากจนชั้นดินทนไม่ได้ ก็จรึงพังทลาย เป็นหลุมอย่างที่เห็น
เดาจากตรรกะในหัวกรวงๆ ของผมนะครับ
มันรั่วมาจากอีกเอกภาพหนึ่ง ตามการคำนวนแบบ parallel universes
แต่ในกรณีนี้มันเกิดจากความความดันที่ต่างกันเนื่องจากน้ำที่เคยอยู่หายไปหมดจะทำให้เกิดโพลงซึ่งภายในเป็นศูนย์ญากาศ ซึ่งทำให้เกิดความดัน เพื่อปรับความดันให้เท่ากันระหว่างจุดที่ความดันต่ำ (บริเวณที่น้ำถูกสูบออก) กับความดันสูง (พื้นโลก) คงเป็นเพราะพื้นเกิดแรงดันมากจนชั้นดินทนไม่ได้ ก็จรึงพังทลาย เป็นหลุมอย่างที่เห็น
เดาจากตรรกะในหัวกรวงๆ ของผมนะครับ
Sucha.3- ม.5
- จำนวนข้อความ : 356
: 41
Registration date : 13/09/2008
สมุดพกนักเรียน
รหัสประจำตัว: 990338
วิชาโปรด: คณิตศาสตร์
คะแนนเกียรติยศ:
(1/100)
Re: Geek Myth :: ว่าด้วยเรื่องของ "สามเหลี่ยมเบอรฺ์มิวด้า"
ดูรูปหลุมต่างๆแล้วน่ากลัวอ่ะ
มันจะมีตัวอะไรอยู่ในนั้นมั้ยนะ??
แล้วหลุมเนี้ยมันจะลึกลงไปถึงไหนนะ
ถึงแก่นโลกเลยรึปล่าว
มันจะมีตัวอะไรอยู่ในนั้นมั้ยนะ??
แล้วหลุมเนี้ยมันจะลึกลงไปถึงไหนนะ
ถึงแก่นโลกเลยรึปล่าว
namfon.13- ม.5
- จำนวนข้อความ : 322
: 41
Registration date : 14/09/2008
สมุดพกนักเรียน
รหัสประจำตัว: 991316
วิชาโปรด: ภาษาฝรั่งเศส
คะแนนเกียรติยศ:
(1/100)
หน้า 1 จาก 2 • 1, 2
Similar topics
» Geek Myth - 3 มาคุยเรื่องผีกันเหอะ ^-^
» Geek Myth : น้ำท่วมโลก กับ จับเข่าคุย
» Geek Myth: อารยธรรม ที่เคยหายสาปสูญไป ...
» Geek Myth:Mystery Spot Santa Cruz (คือ อะไร มาดูกัน)
» Geek การ์ตูน :: "โตแล้วยังอ่านการ์ตูนอยู่อีกหรอ"
» Geek Myth : น้ำท่วมโลก กับ จับเข่าคุย
» Geek Myth: อารยธรรม ที่เคยหายสาปสูญไป ...
» Geek Myth:Mystery Spot Santa Cruz (คือ อะไร มาดูกัน)
» Geek การ์ตูน :: "โตแล้วยังอ่านการ์ตูนอยู่อีกหรอ"
udonpit99.com :: ห้องชมรม :: ห้องชมรม :: ชมรมGeek
หน้า 1 จาก 2
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
|
|
Tue Apr 19, 2011 9:21 am by ter-sp.12
» จัดปาร์ตี้รวมรุ่นปีใหม่2011 กันไหม?
Sat Feb 12, 2011 1:07 pm by ป๊อกกี้.9
» เด็กอุดรพิทย์เจ๋ง...คว้ารางวัลรองชนะเลิศเทนนิสเยาวชน
Sat Feb 12, 2011 1:06 pm by ป๊อกกี้.9
» :: U P 9 9 M e e t i n g P a r t y 2 0 1 1 ::
Sat Feb 12, 2011 1:03 pm by ป๊อกกี้.9
» แจ้ง ต้น.15 จะแต่งงาน 22 มกราคม นี้ แล้วครับเพื่อนๆ
Sun Jan 09, 2011 4:31 pm by arly.15
» หายหัวไปนานเลย กลับมารายงานตัวว่ายังมีชีวิตอยู่คร๊าบพี่น้อง
Tue Jan 04, 2011 3:58 am by yingyai kongthong .14
» ห้อง 9 มีใครทำงานอะไร ที่ไหนกันบ้าง เล่าสู่กันฟังหน่อยเด้อ
Mon Dec 20, 2010 12:15 pm by nook.9
» ตะลึงศิษย์เก่าอุดรพิทย์เผามหิดลวิทยานุสรณ์
Mon Dec 20, 2010 12:09 pm by nook.9
» ศรีหนุ่มยังมีชีวิตอยู่ มาแว้วก๊าบป๋ม
Sun Dec 12, 2010 1:16 pm by anne.15
» รายงานตัวครับ
Thu Dec 09, 2010 3:26 pm by ไซนิล.7